ช่วงเวลาก่อนสิ้นปี มักเป็นช่วงเวลาที่เราหวนทบทวนเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาในปีนั้นๆ การเดินทางอันแสนยาวนาน เรื่องราวที่ทำให้เรายิ้มได้ เรื่องราวที่ทำให้เราเสียน้ำตา และหลากหลายเป้าหมายที่เราเคยตั้งไว้ตอนปีใหม่ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่กลับมาวนเวียนทักทายอีกครั้งเมื่อสิ้นปีใกล้มาถึง เพื่อขอบทสรุปจากเราว่า เราทำได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือเปล่า
#เป้าหมายต้นปีกับผลลัพธ์ปลายปี
เพราะในช่วงต้นปี เป็นช่วงเวลาแห่งความมุ่งมั่นและการเริ่มต้นใหม่ เราอาจตั้งเป้าหมายไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ปีนี้ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้” “ปีนี้ฉันจะตั้งใจเรียน” “ฉันจะต้องได้เกรดดีๆ” “ ฉันจะออมเงิน” ฯลฯ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราอาจรู้สึกว่าที่ผ่านมาเรายังทำตามแผนที่ตั้งไว้ไม่สำเร็จ หรือสำเร็จไปเพียงบางข้อ ยิ่งมองคนรอบข้างประสบความสำเร็จ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเราไม่ขยับก้าวไปไหน จนทำให้เราหันมาบอกตัวเองว่า “ฉันล้มเหลว” และรู้สึกผิดหวังกับตัวเอง ซึ่งเป็นความรู้สึกแย่และทำให้หลายคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่นึกถึงมัน
#ฉันจะรับมือกับความรู้สึกล้มเหลวเหล่านี้อย่างไรดี
การหลีกเลี่ยงความรู้สึกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป และยังสะสมจนทำให้เรากลัวการลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วย ดังนั้นเมื่อความรู้สึกล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ หรือความผิดหวังมาเยือน ก่อนจะหลบหนีความรู้สึกเหล่านี้ ลองเผชิญหน้ากับมัน และรับรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร แล้วใช้วิธีเหล่านี้ จัดการกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น เพื่อให้เราสามารถรับมือและลุกขึ้นยืนอย่างแข็งแรงอีกครั้ง
1. สำรวจความรู้สึกตัวเอง
เราสามารถรับมือกับความรู้สึกล้มเหลวได้ด้วยการสำรวจความรู้สึกนั้นอีกครั้ง ว่า “ฉันล้มเหลวจริงๆ หรือ?” “เพราะอะไรเราถึงรู้สึกเช่นนั้น?” “มีเรื่องไหนหรือหลักฐานอะไรบ้างที่บอกว่าเรากำลังล้มเหลว?”
เราอาจพบว่าจริงๆ แล้ว มีปัจจัยต่างๆ รอบตัว ที่อาจส่งผลให้เราเชื่อว่าล้มเหลว ทั้งที่ความจริงเราไม่ได้เป็นเช่นนั้น เช่น เราอาจเห็นเพื่อนประสบความสำเร็จ เลยเกิดความรู้สึกแย่กับตัวเอง ข้อแนะนำคือ ให้ลองจดบันทึกสิ่งที่คิดและรู้สึกทั้งหมดลงสมุด เพื่อช่วยให้มองเห็นความคิดความรู้สึกต่างๆ ง่ายขึ้น และท้าทายความรู้สึกเหล่านั้นด้วยข้อเท็จจริงของความสำเร็จที่เราเคยทำได้ เช่น “ฉันรู้สึกว่าฉันล้มเหลว เพราะครั้งนี้ฉันทำเกรดได้ไม่ดี แต่ฉันก็เคยได้รับคำชมจากเพื่อนๆ ว่าฉันมีทักษะในวิชาอื่นๆ นะ”
2. ขอบคุณตัวเอง
เมื่อเกิดความรู้สึกไม่สบายใจเวลาพบความล้มเหลว ความผิดหวัง นอกจากการพยายามรับรู้ความรู้สึกแง่ลบเหล่านั้นแล้ว ให้ลองหันมานึกถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำได้ดี หรือทำแล้วรู้สึกเติมเต็มในจิตใจในปีที่ผ่านมา เพื่อให้เข้าใจว่า #ทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายเสมอไป เรายังมีสิ่งที่ทำได้ดี และกล่าวขอบคุณและชื่นชมตัวเองที่ลงมือทำสิ่งนั้น จะช่วยให้เรามองเห็นคุณค่าและภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
3. ลดการเปรียบเทียบกับผู้อื่น (ทั้งในชีวิตจริงและในโซเชียลมีเดีย)
เมื่อเราเห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จ เรามักจะเห็นแต่ด้านดีและชัยชนะ และมองข้ามความยากลำบาก ความล้มเหลวของคนอื่น ทำให้เราอาจเผลอเปรียบเทียบตัวเองกับคนๆ นั้น แต่ความสำเร็จของคนอื่นไม่ได้บอกว่าเราเป็นใคร หากเราอยากเปรียบเทียบ ให้นึกถึงตัวเองในอดีตว่าช่วงที่ผ่านมาตัวเราได้พยายามและพัฒนาตัวเอง
มาไกลแค่ไหน และหากสังเกตว่าบัญชีโซเชียลมีเดียบางบัญชีทำให้เราเกิดความรู้สึกเปรียบเทียบอยู่บ่อยๆ ลองเลิกติดตามบัญชีเหล่านั้นหรือหยุดพักจากโซเชียลมีเดียเป็นระยะ
4. ใจดีกับตัวเอง
เมื่อเราทำผิดพลาด เรามักซ้ำเติมและตำหนิตัวเอง และทำให้เรารู้สึกว่าเราดีไม่พอตลอดเวลา การมอบความรักและใจดีกับตัวเองจะเป็นการเตือนให้เรารับรู้ว่า #เรามีคุณค่าพอแม้ในวันที่เราจะยังทำได้ไม่ดีพอ ในวันที่รู้สึกแย่ เราสามารถโอบกอดตัวเองและพูดคุยกับตัวเองอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันกำลังรู้สึกว่าฉันล้มเหลว แต่ไม่เป็นไร ฉันเป็นมนุษย์ ฉันสามารถทำผิดพลาดได้ ฉันจะเรียนรู้แล้วจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง”
5. ปรับมุมมองใหม่เกี่ยวกับความล้มเหลว
ความล้มเหลวไม่ใช่ป้ายชื่อที่จะบอกว่าเราเป็นใคร มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชีวิต แต่มันไม่ได้ตัดสินเราตลอดชีวิตว่าเราเป็นคนไม่ดีพอ ธรรมชาติของการมีชีวิตมีทั้งวันที่เราประสบความสำเร็จและวันที่เราล้มเหลว หากเรามีมุมมองเหล่านี้ เราจะเข้าใจและให้อภัยตัวเองในวันที่เรารู้สึกว่าเราผิดพลาด และวางแผนเพื่อตั้งเป้าให้ตัวเองใหม่ เพื่อรอวันที่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง ลองวางแผนให้กับตัวเองว่าต้องทำสิ่งใดบ้างเพื่อให้เป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จ เราอาจเลือกพูดคุยกับคนที่ไว้ใจเพื่อให้ช่วยจัดระเบียบความคิดให้ อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญในการเผชิญหน้ากับความล้มเหลวคือ การพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ ผู้คนที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจเราอยู่เสมอ
เราต่างมีช่วงเวลาที่สิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามแผน มีวันที่เราผิดหวังและรู้สึกไม่ชอบตัวเอง ช่วงเวลา 1 ปี หรือ 2 ปี ไม่ได้กำหนดว่าเราต้องประสบความสำเร็จ เพราะดอกไม้ยังต้องการเวลาผลิบานที่แตกต่างกัน เราจึงต้องการช่วงเวลาเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน และมันไม่เป็นไรเลยหากวันหนึ่งเราจะล้มเลิกความตั้งใจนั้นและมีเป้าหมายใหม่ เพราะความสำเร็จที่สำคัญที่สุดในชีวิตเรา ไม่ใช่ความสำเร็จแบบที่คนอื่นนิยามและบอกว่าเราต้องเป็นใคร หรือต้องมีอะไร แต่เป็นความสำเร็จแบบที่เรานิยามด้วยตัวเองนะ 🙂
อ้างอิง
https://psychcentral.com/health/feeling-like-a-failure#next-steps