ในยุคที่ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด แถมโซเชียลก็ขยันอัปเดตสถานการณ์ต่างๆ รอบตัวให้เราซะเหลือเกิน สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เราเองก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ว่า เพื่อนๆ กำลังทำอะไร เที่ยวไหน อยู่กับใคร หรือได้เจอประสบการณ์อะไรน่าสนใจไปแล้วบ้าง
ซึ่งถ้าน้องๆ เคยรู้สึกเหมือนอยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนตกหล่น เหมือนเราไม่ได้อยู่ในกระแส เหมือนพลาดอะไรสำคัญๆ ไป ความรู้สึกนี้เขาเรียกว่า FOMO (Fear of Missing Out) แต่วันนี้ พี่ a-chieve อยากพาน้องๆ มารู้จักขั้วตรงข้ามของ FOMO นั่นก็คือ JOMO ความสุขที่ได้ "พลาด" บางสิ่งบางอย่างไป
JOMO คืออะไร?
JOMO ย่อมาจาก Joy of Missing Out หมายถึงการมีความสุขที่ได้ "พลาด" หรือตกหล่นบางสิ่งบางอย่างจากโลกโซเชียล โดยที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องหรือวิ่งตามกระแสตลอดเวลา ทุกวันนี้น้องๆ หลายคนอาจรู้สึกเครียดเพราะกลัวพลาดอะไรไป กลัวไม่ทันเทรนด์ หรือไม่ได้รับรู้เรื่องใหม่ๆ แบบทันใจ การไม่ต้องไล่ตามทุกเรื่อง จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลตัวเอง เพราะการปล่อยให้ตัวเองได้มีเวลาสงบสติอารมณ์ หรืออยู่กับตัวเองบ้าง ก็สามารถช่วยให้เรามีสมาธิและมีความสุขมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองให้ตามทุกเรื่องอยู่เสมอ
แล้วถ้าไม่ทันจริงๆ จะยังไหวอยู่ไหม?
พี่อยากบอกว่า ไม่เป็นไรเลย! บางทีการหยุดพักจากความวุ่นวายของโซเชียล หรือกระแสต่างๆ ก็ช่วยให้น้องๆ ได้กลับมาสนใจสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตจริงๆ น้องๆ อาจจะพบว่ามีเวลาทำสิ่งที่รักมากขึ้น หรือมีเวลาคิดค้นไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจ อย่าลืมว่าจุดหมายปลายทางของเราแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ การคอยตามทุกๆ กระแส และวิ่งไล่สิ่งที่คนอื่นสนใจ อาจทำให้เราลืมเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้
JOMO แบบไหนให้ “พลาด” อย่างมีความสุข
1.ไม่ต้องทำทุกอย่าง ที่ไม่อยากทำ
น้องๆ ไม่จำเป็นต้องทำทุกกิจกรรม โดยเฉพาะกิจกรรมที่เราไม่ได้อยากจะทำ ลองเลือกเพียงสิ่งที่จำเป็นกับเราเท่านั้น โดยถามตัวเองว่า “ฉันอยากทำสิ่งนี้จริงๆ หรือไม่” “ฉันทำเพื่อใคร หรือเพื่อสิ่งใด” “ อะไรคือข้อดีของการทำสิ่งนี้” หรือให้ระดับคะแนนสิ่งที่จะทำว่ามีความสำคัญมากแค่ไหน
เช่น บางครั้งในโรงเรียนมีกิจกรรมเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นงานโรงเรียน ชมรม หรือกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ถ้าน้องๆ รู้สึกว่าเหนื่อยหรือมีกิจกรรมที่สำคัญมากกว่า เช่น การเตรียมสอบหรือการพักผ่อน อย่ารู้สึกแย่ที่พลาดกิจกรรมบางอย่าง หรือปฏิเสธคำเชิญของเพื่อนๆ แทนที่จะพยายามเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่าง ลองเลือกกิจกรรมที่มีความหมายกับน้องๆ มากที่สุดแทน เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณนะจ๊ะ 😊
2. ตัดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น
เวลาน้องๆ เห็นเพื่อนๆ แชร์เรื่องสนุกๆ ในโซเชียล แต่เรายังไม่ได้มีโอกาสไป หรือพลาดข่าวคราวที่กำลังเป็นกระแส น้องๆ อาจจะรู้สึกเหมือนตกหล่น ลองปิดการแจ้งเตือนจากแอปที่ไม่ค่อยสำคัญหรือไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่น้องๆ ตั้งใจจะทำ เพื่อให้เรามีเวลาอยู่กับตัวเอง และมีความสุขกับการ "ไม่รู้" บางเรื่อง เพื่อใช้เวลานั้นไปกับการทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองพัฒนาหรือมีความสุขแทน
3. หาเวลาพักผ่อนกับตัวเอง
การเรียนอาจทำให้รู้สึกกดดันเสมอ แต่บางครั้งการ "หยุดพัก" สักครู่ ไม่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมหรืองานเสริมที่เพิ่มความเครียด อาจจะช่วยให้สมองของน้องๆ ฟื้นฟูพร้อมรับความรู้ใหม่ๆ ได้ดียิ่งขึ้น การให้ตัวเองมีเวลาว่างเพื่อผ่อนคลายบ้างก็ถือเป็นการนำ JOMO มาใช้ในชีวิตการเรียนที่ดี โดยน้องๆ อาจใช้เวลาออกไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ หรือแค่พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็ได้
สุดท้ายแล้ว พี่ a-chieve อยากบอกกับน้องๆ ว่า ไม่ทันก็ไม่เป็นไร! ชีวิตยังไหวอยู่เสมอ ขอแค่เราเลือกที่จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ใช่ และไม่กดดันตัวเองเกินไปที่จะตามทุกเรื่องนะ 😊