เมื่อต้องเข้าไปอยู่ใน ‘การแข่งขัน’ ต่อให้จะบอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเครียดและกดดันทุกทีสินะ !
ในปัจจุบันมีเวทีมากมายที่เข้ามาท้าทายความสามารถน้องๆ ไม่ว่าจะเป็น การแข่งขันด้านกีฬา วิชาการ หรือแม้แต่การสอบเข้า ชิงทุน และอีกสารพัด ซึ่งการแข่งขันนั้นก็เป็นได้ทั้งแรงผลักดันเชิงบวกที่จะช่วยให้เราเติบโต และพัฒนาตัวเอง แต่หากไม่ระวัง ก็อาจตกลงไปในหลุมของความกดดัน เคร่งเครียดได้ .
วันนี้พี่ๆ a-chieve จึงมาแนะนำวิธีการอยู่ในสมรภูมิการแข่งขันอย่างไร ให้ใจเราไม่แกว่งกันค่ะ น้องๆ คนไหนที่กำลังรับบทเป็นโค้ชข้างสนาม เป็นผู้เข้าแข่งขัน หรือกำลังส่งเสียงเชียร์ใครอยู่ ก็นำไปใช้ได้เพื่อให้การแข่งขันนี้ดีต่อใจของเรา 😀
#1 : โฟกัสที่การพัฒนาของตัวเอง
เมื่อมีการแข่งขันเกิดขึ้น เราก็มักเผลอเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นโดยอัตโนมัติ ซึ่งบางครั้งการเปรียบเทียบก็นำไปสู่การหมดกำลังใจและเศร้าจนไม่อยากจะทำอะไรต่อไป
ดังนั้น วิธีที่จะช่วยให้เรากลับมามีแรงฮีบสู้อีกครั้ง คือการเปลี่ยนเป้าหมายของการโฟกัส โดยมุ่งความสนใจมาที่การพัฒนาของตัวเองแทน เช่น วันนี้ฉันจดจำคำศัพท์ได้มากกว่าเมื่อวานตั้ง 5 คำ หรือวันนี้ฉันอ่านหนังสือได้นานกว่าเดิม
1 ชั่วโมง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การหันมาโฟกัสตัวเองไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มองการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ รอบตัวเลยนะคะ แต่เราจะมองสิ่งเหล่านั้นด้วยการเท่าทันความรู้สึกของตัวเองและไม่เปรียบเทียบความก้าวหน้าของตนเองกับผู้อื่น
.
.
#2 : ไม่ยึดติดคุณค่าของตัวเองกับการแข่งขัน
ท่ามกลางกระแสการแข่งขันรอบตัว เราอาจจะเคยเป็นทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ
เราอาจเคยรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จ เป็นคนเก่ง หรืออาจเคยรู้สึกผิดหวังจากสิ่งที่ตั้งใจไว้ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะรู้สึกไม่โอเคกับตัวเองเมื่อผลการแข่งขันออกมาไม่เป็นดั่งใจ
การแข่งขันอาจมีตัดสินผลรางวัล แต่ไม่ได้ตัดสินคุณค่าในตัวเรา พี่ a-chieve อยากชวนน้องๆ มองอีกมุมว่า การที่เรารู้สึกพ่ายแพ้หรือผิดหวังกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ได้กำหนดเส้นทางเราไปตลอดชีวิต การพ่ายแพ้ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่มีทางทำสำเร็จได้อีก หรือเราจะต้องกลายเป็นคนที่ผิดหวังตลอดไป
เช่นเดียวกัน การชนะการแข่งขันก็ไม่ได้แปลว่าเราต้องหยุดพัฒนาตัวเอง ดังนั้น ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นเช่นไร ลองเปลี่ยนการให้คุณค่าของตนเองกับการแข่งขัน มาให้คุณค่ากับช่วงเวลาที่เราได้ทุ่มเทลงไป หรือเป็นความรู้สึกที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารักกัน
.
.
#3 : มองหากิจกรรมลดความเครียด
เมื่อเราอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่กดดัน ทั้งที่มาจากคนอื่น หรือมาจากตัวเอง
ความเครียดก็จะเริ่มเรียกชื่อของเราดังและบ่อยขึ้น ซึ่งความเครียดที่เราควบคุมได้ จะเป็นแรงผลักดันเบาๆ ให้เราอยากท้าทายตัวเองมากขึ้น แต่หากมีความเครียดมากไปก็อาจทำให้เรากดดัน ไม่มีสมาธิ เหนื่อยล้าหรือหมดแรงกาย แรงใจไปก่อน
ดังนั้น เมื่อไรที่น้องรู้สึกเครียด อย่าลืมมองหากิจกรรมลดความเครียด เช่น การนั่งสมาธิวันละ 5-10 นาที การไปออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสาย การวาดรูป ฟังเพลง หรือออกไปหาของอร่อยๆ กิน
.
.
#4 : ฝึกมองตัวเองในมุมใหม่
เมื่อความพ่ายแพ้และความผิดหวังทำให้เรามองตัวเองในแง่ลบ และต่อว่าตัวเองว่า “ฉันไม่เก่ง” “ฉัน
ไม่ดีพอ” ก่อนอื่นเลย พี่ๆ อยากขอให้น้องลองเอามือทั้งสองข้างกอดตัวเองแน่นๆ และยอมรับกับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น เพราะก่อนที่เราจะเริ่มต้นมองตัวเองในมุมใหม่ได้ เราต้องไม่ผลักไสความรู้สึกแย่ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
หลังจากนั้น จึงขอให้น้องๆ ลองถามตัวเองว่า “เราได้เรียนรู้อะไรจากความพ่ายแพ้ หรือความผิดหวังนี้บ้าง”
และ “เราสามารถที่จะเปลี่ยนความเศร้าใจ เป็นแรงผลักดันในสนามชีวิตครั้งหน้าได้อย่างไร”
ซึ่งวิธีการตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเองเป็นการฝึกให้เรามองตัวเองในมุมใหม่มากขึ้น ลองเปลี่ยนความท้าทายเป็นโอกาสในการเรียนรู้ เพื่อการเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นใหม่ๆ ในทุกวัน
.
.
#5 : ชื่นชมทุกๆ ความสำเร็จที่เกิดขึ้น
เชื่อว่าน้องหลายคน อาจจะไม่คุ้นชินกับการชื่นชมตัวเอง ก็อาจจะรู้สึกเคอะเขินเมื่อต้องเอ่ยปากบอกกับตัวเองว่า “ฉันก็เก่งนะ”
พี่ๆ จึงอยากชวนทุกคนมาชื่นชมกับทุกๆ วันของเรา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการแข่งขันครั้งถัดๆ ไป เช่น ลองชมตัวเองทุกวันก่อนนอน หรือชมในสิ่งที่เราทำได้ดีในวันนี้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่เลย อย่างเช่น วันนี้ฉันเขียนสรุปบทเรียนได้ครบ 1 บทตามที่ตั้งใจ หรือวันนี้ฉันมีสมาธิดีเยี่ยมตลอดเวลาที่ครูสอนเลย เป็นต้น
.
.
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าผลของการแข่งขันจะเป็นอย่างไร พี่ๆ ก็อยากให้เราให้รางวัลตัวเองในทุกความพยายามที่ผ่านมา และเชื่อว่าในทุกเส้นทางการแข่งขันจะนำเราไปสู่การพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
ที่สำคัญคือ เราจะได้เพื่อนร่วมเดินทางที่มากขึ้น และมีความสุขทุกครั้งเวลาที่เราเห็นเพื่อนๆ เติบโตไปพร้อมกับเรา
พี่ a-chieve ขอส่งใจเป็นแรงเชียร์ข้างสนามชีวิตของน้องๆ เสมอนะคะ 😀
.
.
อ้างอิง