รู้จัก “Brain Fog” ภาวะสมองล้า เมื่อสมองถูกหมอกความอ๊องจู่โจม

วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน 2567 เวลา 09:29 • ใช้เวลาอ่าน 2 นาที
1920x960_ปกเว็ป-2.JPG

 

คิดอะไรไม่ค่อยออก อยู่ดีๆ ก็ลืมชื่อเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า อ๊องๆ เบลอๆ ตื้อไปหมดดด

ขอบอกว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ คือ ภาวะที่สมองของเรากำลังถูก “หมอก” จู่โจม ซึ่งหมอกที่ว่าก็ไม่ได้มาจากอากาศที่หนาวเย็นบนยอดดอยแต่อย่างใด แต่มาจากการทำงานของสารเคมีในสมองของเรานั่นเอง

.

น้องๆ หลายคน อาจเจอกับอาการเหล่านี้บ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงเวลากดดัน เคร่งเครียด อย่างตอนอ่านหนังสือสอบ ที่อ่านเท่าไรก็ไม่เข้าหัวสักที จนพาลรู้สึกว่า “ฉันไม่เก่ง” “ไม่ดีพอ” และอาจนำไปสู่ความท้อแท้ในการเรียนได้ แต่หากเรารู้ทันเจ้าหมอกหนาในสมองและรับมือได้อย่างถูกต้อง เราก็จะตั้งหลักรับมือได้ โดยไม่ต้องโทษตัวเองจนปวดใจ

.

พี่ๆ a-chieve อยากชวนน้องๆ มารู้จัก “Brain Fog หมอกในสมอง” หรือชื่อทางการก็คือ “ภาวะสมองล้า”

มาสำรวจร่างกายไปด้วยกันว่า เรากำลังเจอกับภาวะสมองล้าอยู่หรือเปล่า หมอกพวกนี้มีสาเหตุที่มาจากอะไร แล้วเราจะรับมืออย่างไรได้บ้าง ผ่านบทความนี้กันเลยจ้า

.

ภาวะสมองล้า “Brain Fog” คืออะไร

ภาวะสมองล้า คือ ภาวะที่สมองทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำงานช้าลง ทำให้เรารู้สึกคิดช้า ไม่มีสมาธิ ไม่สดใส ซึ่งบางคนอาจรู้สึกเหมือนมีความขุ่นมัวอยู่ในสมอง คล้ายกับเวลาหมอกลงนั่นเอง

ภาวะสมองล้าเกิดจากสารเคมีในสมองเสียสมดุล และอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ เช่น โรคอ้วน โรคกระเพาะ โรคเบาหวาน ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ เป็นต้น

.

ชวนทำเช็กลิสต์ แบบนี้แหละ อาการสมองล้า  

หากน้องๆ มีอาการเหล่านี้ ก็อาจหมายความว่า เราน่าจะกำลังเจอกับภาวะสมองล้าอยู่

☐ สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก หรือคิดได้ช้า คิดคำพูดไม่ออก 

☐ ไม่ค่อยมีสมาธิ จดจ่อกับงานหรือกิจกรรมที่กำลังทำไม่ได้

☐ ความจำแย่ลง ขี้ลืม

☐ คุณภาพการนอนไม่ดี เช่น นอนไม่หลับ นอนหลับยาก หรือนอนมากเกินไป 

☐ รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรง เหนื่อยง่าย

☐ ปวดศีรษะเรื้อรัง 

☐ รู้สึกหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน

.

สาเหตุที่ทำให้สมองล้า

1. ความเครียด

การเผชิญกับความเครียดบ่อยๆ และสะสมกันเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้สารเคมีในสมองเสียสมดุล จนนำมาซึ่งภาวะสมองล้าได้ ความเครียดยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดี ทำให้ความจำสั้น สมองช้า และส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ 

.

2. การนอนหลับไม่เพียงพอ 

การนอนที่ไม่ดี (ทั้งนอนดึกเกินไป นอนหลับไม่สนิท นอนหลับยาก) ส่งผลให้สมองถูกรบกวนในเวลากลางคืน ไม่ได้รับการพักผ่อนและซ่อมแซมตัวเอง ในช่วงแรกๆ เราก็อาจแค่มึนๆ เบลอๆ ตื่นเช้ามาแบบไม่สดชื่น แต่หากนอนไม่พอสะสมเป็นเวลานานก็อาจส่งผลไปถึงความจำ ทำให้เกิดการหลงๆ ลืม จดจำอะไรได้ไม่ค่อยดี ความจำระยะสั้นหาย 

.

3. การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์

ไม่ว่าจะเป็นอาหารแปรรูป อาหารไขมันสูง ที่อุดมไปด้วยไขมันไม่ดี สารปรุงแต่ง เช่น ไส้กรอก พิซซ่า เฟรนซ์ฟราย รวมถึงขนมของหวานต่างๆ ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง นอกจากจะทำให้ร่างกายเสพติด ทำให้เราอยากกินตลอดเวลา จนนำไปสู่โรคอ้วนแล้ว ยังอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบในสมองซึ่งทำให้ความจำแย่ลง จดจำได้ไม่ค่อยดี ขี้ลืม และสมาธิสั้นลงได้

.

4. การไม่ค่อยออกกำลังกาย

การไม่เคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอ แต่เลือกนั่งๆ นอนๆ ติดกันเป็นเวลานาน ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกายได้ไม่ดี โดยเฉพาะสมอง นอกจากนี้ยังทำให้เซลล์สมองไม่ถูกกระตุ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สมองเกิดการอักเสบและส่งผลให้ความจำของเราแย่ลงได้

 

5. การรับประทานยาบางชนิด

ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงที่อาจส่งผลต่อสมองโดยเฉพาะส่วนความจํา เช่น กลุ่มยาซึมเศร้า ยาต้านความวิตกกังวล ยาต้านอาการชัก ยาแก้ปวดบางชนิด หากน้องๆ ทานยารักษาโรคอยู่ ให้ลองปรึกษาผลข้างเคียงจากเภสัชกร และพยายามสร้างวินัยในการออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไป เพื่อบรรเทาผลข้างเคียงจากยา

.

6. เคยป่วยเป็น COVID-19 

COVID-19 เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะสมองล้า โดยเรียกอาการหลังป่วยนี้ว่า Long COVID ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังหายจากอาการป่วยเป็นเวลาหลายเดือน

.

.

วิธีป้องกันภาวะสมองล้า

สำหรับน้องๆ ที่กำลังเผชิญกับภาวะสมองล้าอยู่ หรืออยากมองหาวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองเกิดภาวะสมองล้า วันนี้พี่ๆ a-chieve มีวิธีมาฝากค่ะ 

1. ออกกำลังกายเป็นประจำ 

กำหนดวันออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์ โดยอาจเริ่มที่ 2 วัน/ สัปดาห์ ครั้งละ 15 - 30 นาที แล้วค่อยท้าทายตัวเองด้วยการเพิ่มระยะเวลาออกกำลังกายให้นานหรือถี่ขึ้น 

น้องๆ ที่รู้สึกว่าไม่สะดวกที่จะออกกำลังกายอย่างจริงจัง ก็อาจลองใช้วิธีกำหนดเวลาพักระหว่างอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน เพื่อลุกขึ้นมายืดเหยียด เดินเล่น สัก 10 - 15 นาที ก็ช่วยได้เช่นกัน

.

2. มองหากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด

พาตัวเองไปทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบ ทำแล้วใจฟู เช่น วาดรูป ฟังเพลง ดูซีรีส์เรื่องโปรด ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือจะลองฝึกนั่งสมาธิสั้นๆ ก็เป็นวิธีผ่อนคลายที่ดี

.

3. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์

รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารปรุงแต่ง ฟาสต์ฟู้ด ของทอด ของหวาน และเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงสมอง เช่น ธัญพืช ปลาแซลมอน ผลไม้รสเปรี้ยว ผักโขม ไข่ไก่ เป็นต้น 

.

4. นอนหลับพักผ่อน 7 - 8 ชั่วโมง/ วัน

เข้านอนไม่เกิน 22.00 ของวัน และพยายามกำจัดสิ่งรบกวนการนอนให้มากที่สุด เช่น ลดการจ้องแสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือก่อนนอน 30 นาที จัดที่นอนให้หลับสบาย เงียบ ไม่มีเสียงและแสงรบกวน 

.

.

น้องๆ คงเห็นแล้วว่าเราจำเป็นที่จะต้องดูแลสุขภาพทั้งกายและใจให้แข็งแรง เพื่อให้สมองของเราทำงานอย่างสมดุล สดชื่นแจ่มใส ไม่มีหมอกปกคลุม แต่หากเมื่อไหร่ที่หมอกมาเยือนสมองของเราอีกครั้ง ก็ขอให้ลองลุกจากที่นั่ง ออกไปขยับตัวยืดเหยียดร่างกาย ปลดปล่อยใจให้ผ่อนคลาย ไม่กดดันตัวเอง แวะพักสักนิดให้สมองได้ฟื้นฟู เพื่อการทำงานที่ดีต่อไปในระยะยาวนะ 🙂

.

.

อ้างอิง

https://www.bangkokinternationalhospital.com/health-articles/disease-treatment/brain-fog-syndrome

https://www.forbes.com/health/mind/brain-fog/



#achieveอาชีพที่ใช่ชีวิตที่ชอบ


avatar-ผู้เขียน
พัชรพร ศุภผล ผู้เขียน

ใช้แมวเป็นวิตามิน มีร้านหนังสือและแกลอรี่อาร์ตเป็นพื้นที่ปลอดภัย รักเจ้าชายน้อยและคิดว่าตัวเองก็คงมาจากดาวb612 เช่นกัน

avatar-นักออกแบบภาพ
สาธิดา ราหุละ นักออกแบบภาพ

ทาสแมวที่วาดรูปได้นิดหน่อย รื่นรมย์กับคราฟต์เบียร์ การเดินทาง และศิลปะ

Tag :