คิดอะไรไม่ค่อยออก อยู่ดีๆ ก็ลืมชื่อเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า อ๊องๆ เบลอๆ ตื้อไปหมดดด
ขอบอกว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ คือ ภาวะที่สมองของเรากำลังถูก “หมอก” จู่โจม ซึ่งหมอกที่ว่าก็ไม่ได้มาจากอากาศที่หนาวเย็นบนยอดดอยแต่อย่างใด แต่มาจากการทำงานของสารเคมีในสมองของเรานั่นเอง
.
น้องๆ หลายคน อาจเจอกับอาการเหล่านี้บ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงเวลากดดัน เคร่งเครียด อย่างตอนอ่านหนังสือสอบ ที่อ่านเท่าไรก็ไม่เข้าหัวสักที จนพาลรู้สึกว่า “ฉันไม่เก่ง” “ไม่ดีพอ” และอาจนำไปสู่ความท้อแท้ในการเรียนได้ แต่หากเรารู้ทันเจ้าหมอกหนาในสมองและรับมือได้อย่างถูกต้อง เราก็จะตั้งหลักรับมือได้ โดยไม่ต้องโทษตัวเองจนปวดใจ
.
พี่ๆ a-chieve อยากชวนน้องๆ มารู้จัก “Brain Fog หมอกในสมอง” หรือชื่อทางการก็คือ “ภาวะสมองล้า”
มาสำรวจร่างกายไปด้วยกันว่า เรากำลังเจอกับภาวะสมองล้าอยู่หรือเปล่า หมอกพวกนี้มีสาเหตุที่มาจากอะไร แล้วเราจะรับมืออย่างไรได้บ้าง ผ่านบทความนี้กันเลยจ้า
.
ภาวะสมองล้า “Brain Fog” คืออะไร
ภาวะสมองล้า คือ ภาวะที่สมองทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำงานช้าลง ทำให้เรารู้สึกคิดช้า ไม่มีสมาธิ ไม่สดใส ซึ่งบางคนอาจรู้สึกเหมือนมีความขุ่นมัวอยู่ในสมอง คล้ายกับเวลาหมอกลงนั่นเอง
ภาวะสมองล้าเกิดจากสารเคมีในสมองเสียสมดุล และอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ เช่น โรคอ้วน โรคกระเพาะ โรคเบาหวาน ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ เป็นต้น
.
ชวนทำเช็กลิสต์ แบบนี้แหละ อาการสมองล้า
หากน้องๆ มีอาการเหล่านี้ ก็อาจหมายความว่า เราน่าจะกำลังเจอกับภาวะสมองล้าอยู่
☐ สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก หรือคิดได้ช้า คิดคำพูดไม่ออก
☐ ไม่ค่อยมีสมาธิ จดจ่อกับงานหรือกิจกรรมที่กำลังทำไม่ได้
☐ ความจำแย่ลง ขี้ลืม
☐ คุณภาพการนอนไม่ดี เช่น นอนไม่หลับ นอนหลับยาก หรือนอนมากเกินไป
☐ รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรง เหนื่อยง่าย
☐ ปวดศีรษะเรื้อรัง
☐ รู้สึกหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน
.
สาเหตุที่ทำให้สมองล้า
1. ความเครียด
การเผชิญกับความเครียดบ่อยๆ และสะสมกันเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้สารเคมีในสมองเสียสมดุล จนนำมาซึ่งภาวะสมองล้าได้ ความเครียดยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดี ทำให้ความจำสั้น สมองช้า และส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
.
2. การนอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนที่ไม่ดี (ทั้งนอนดึกเกินไป นอนหลับไม่สนิท นอนหลับยาก) ส่งผลให้สมองถูกรบกวนในเวลากลางคืน ไม่ได้รับการพักผ่อนและซ่อมแซมตัวเอง ในช่วงแรกๆ เราก็อาจแค่มึนๆ เบลอๆ ตื่นเช้ามาแบบไม่สดชื่น แต่หากนอนไม่พอสะสมเป็นเวลานานก็อาจส่งผลไปถึงความจำ ทำให้เกิดการหลงๆ ลืม จดจำอะไรได้ไม่ค่อยดี ความจำระยะสั้นหาย
.
3. การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
ไม่ว่าจะเป็นอาหารแปรรูป อาหารไขมันสูง ที่อุดมไปด้วยไขมันไม่ดี สารปรุงแต่ง เช่น ไส้กรอก พิซซ่า เฟรนซ์ฟราย รวมถึงขนมของหวานต่างๆ ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง นอกจากจะทำให้ร่างกายเสพติด ทำให้เราอยากกินตลอดเวลา จนนำไปสู่โรคอ้วนแล้ว ยังอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบในสมองซึ่งทำให้ความจำแย่ลง จดจำได้ไม่ค่อยดี ขี้ลืม และสมาธิสั้นลงได้
.
4. การไม่ค่อยออกกำลังกาย
การไม่เคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอ แต่เลือกนั่งๆ นอนๆ ติดกันเป็นเวลานาน ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกายได้ไม่ดี โดยเฉพาะสมอง นอกจากนี้ยังทำให้เซลล์สมองไม่ถูกกระตุ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สมองเกิดการอักเสบและส่งผลให้ความจำของเราแย่ลงได้
5. การรับประทานยาบางชนิด
ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงที่อาจส่งผลต่อสมองโดยเฉพาะส่วนความจํา เช่น กลุ่มยาซึมเศร้า ยาต้านความวิตกกังวล ยาต้านอาการชัก ยาแก้ปวดบางชนิด หากน้องๆ ทานยารักษาโรคอยู่ ให้ลองปรึกษาผลข้างเคียงจากเภสัชกร และพยายามสร้างวินัยในการออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไป เพื่อบรรเทาผลข้างเคียงจากยา
.
6. เคยป่วยเป็น COVID-19
COVID-19 เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะสมองล้า โดยเรียกอาการหลังป่วยนี้ว่า Long COVID ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังหายจากอาการป่วยเป็นเวลาหลายเดือน
.
.
วิธีป้องกันภาวะสมองล้า
สำหรับน้องๆ ที่กำลังเผชิญกับภาวะสมองล้าอยู่ หรืออยากมองหาวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองเกิดภาวะสมองล้า วันนี้พี่ๆ a-chieve มีวิธีมาฝากค่ะ
1. ออกกำลังกายเป็นประจำ
กำหนดวันออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์ โดยอาจเริ่มที่ 2 วัน/ สัปดาห์ ครั้งละ 15 - 30 นาที แล้วค่อยท้าทายตัวเองด้วยการเพิ่มระยะเวลาออกกำลังกายให้นานหรือถี่ขึ้น
น้องๆ ที่รู้สึกว่าไม่สะดวกที่จะออกกำลังกายอย่างจริงจัง ก็อาจลองใช้วิธีกำหนดเวลาพักระหว่างอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน เพื่อลุกขึ้นมายืดเหยียด เดินเล่น สัก 10 - 15 นาที ก็ช่วยได้เช่นกัน
.
2. มองหากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด
พาตัวเองไปทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบ ทำแล้วใจฟู เช่น วาดรูป ฟังเพลง ดูซีรีส์เรื่องโปรด ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือจะลองฝึกนั่งสมาธิสั้นๆ ก็เป็นวิธีผ่อนคลายที่ดี
.
3. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารปรุงแต่ง ฟาสต์ฟู้ด ของทอด ของหวาน และเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงสมอง เช่น ธัญพืช ปลาแซลมอน ผลไม้รสเปรี้ยว ผักโขม ไข่ไก่ เป็นต้น
.
4. นอนหลับพักผ่อน 7 - 8 ชั่วโมง/ วัน
เข้านอนไม่เกิน 22.00 ของวัน และพยายามกำจัดสิ่งรบกวนการนอนให้มากที่สุด เช่น ลดการจ้องแสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือก่อนนอน 30 นาที จัดที่นอนให้หลับสบาย เงียบ ไม่มีเสียงและแสงรบกวน
.
.
น้องๆ คงเห็นแล้วว่าเราจำเป็นที่จะต้องดูแลสุขภาพทั้งกายและใจให้แข็งแรง เพื่อให้สมองของเราทำงานอย่างสมดุล สดชื่นแจ่มใส ไม่มีหมอกปกคลุม แต่หากเมื่อไหร่ที่หมอกมาเยือนสมองของเราอีกครั้ง ก็ขอให้ลองลุกจากที่นั่ง ออกไปขยับตัวยืดเหยียดร่างกาย ปลดปล่อยใจให้ผ่อนคลาย ไม่กดดันตัวเอง แวะพักสักนิดให้สมองได้ฟื้นฟู เพื่อการทำงานที่ดีต่อไปในระยะยาวนะ 🙂
.
.
อ้างอิง
https://www.bangkokinternationalhospital.com/health-articles/disease-treatment/brain-fog-syndrome
https://www.forbes.com/health/mind/brain-fog/
#achieveอาชีพที่ใช่ชีวิตที่ชอบ