ตอนเป็นน้องป.1 ก็อยากเป็นพี่ป.6 พออยู่ป.6 ก็อยากเป็นตัวตึงม.ต้น ไวๆ แต่ทำไมกันนะ เมื่อเวลาแห่งการเติบโตมาถึง เรากลับอยากหยุดวันเวลาไว้กับที่ ถึงจะดีใจที่มีคนมากมายอวยพร ทำเซอร์ไพร์สในวันเกิด แต่พอตกกลางคืนก็แอบสะเทือนใจเบาๆ ที่อายุของเราจะเพิ่มขึ้นมาอีกปี
.
ใครรู้สึกว่าตัวเองไม่เด็กแล้วบ้าง ยกมือขึ้น!!
พี่ๆ a-chieve อยากชวนน้องๆ ทุกคนที่รู้สึกไม่อยากให้อายุเพิ่มขึ้น กลัวที่จะต้องเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ หรือกำลังกังวลกับอนาคตข้างหน้า มาดูเหตุผลทางจิตวิทยาที่บอกว่า “ทำไมเราไม่อยากโต” พร้อมกับวิธีรับมือเมื่อความรู้สึกเหล่านี้มาเยือน จะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยยยย
.
1. ไม่อยากห่างครอบครัว
หลายคนอาจกังวลว่า เมื่อเราโตขึ้นเราอาจต้องแยกจากครอบครัวเพื่อไปสำรวจเส้นทางใหม่ๆ ในชีวิต เช่น การไปเรียนต่อที่ต้องอยู่ไกลบ้าน หรือบางคนอาจรู้สึกว่าเมื่อตัวเองโตขึ้นแล้วจะไม่ได้ใกล้ชิดกับคนที่เรารักเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้นอนห้องเดียวกับพ่อแม่ ไม่ได้กอดคุณยาย ไม่มีใครเดินมาส่งถึงหน้าโรงเรียนอีกแล้ว โดยเฉพาะกับคนที่เป็นพี่คนโตที่อาจรู้สึกว่าครอบครัวให้เวลากับน้องๆ มากกว่า นอกจากนี้ การเติบโตยังทำให้เรากังวลถึงสุขภาพของคนในครอบครัว เราอาจรู้สึกว่าพ่อแม่เราแก่ลงทุกวัน ทำให้หลายคนกลัวการสูญเสียคนในครอบครัวด้วยเช่นกัน
.
🌿 #วิธีรับมือ
ยอมรับความรู้สึกกังวลหรือความรู้สึกอื่นๆ ที่เข้ามา และระบุสาเหตุที่ทำให้รู้สึกว่าเราจะต้องห่างจากครอบครัวเมื่อโตขึ้น แล้วดูว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับพวกเขาได้มากขึ้นหากวันนั้นมาถึง เช่น วางแผนโทรหาครอบครัวทุกสัปดาห์ กลับมาเยี่ยมบ้านทุกเดือน เมื่อต้องไปเรียนไกลบ้าน สื่อสาร เดินไปขอกอดเมื่อรู้สึกอยากกอด หรือชวนคนในครอบครัวทำกิจกรรมต่างๆ ทำร่วมกัน
ส่วนเรื่องของการสูญเสียนั้น พี่ๆ a-chieve เข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องทำใจได้ยาก และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถห้ามได้ แต่สิ่งที่เราทำได้อย่างแน่นอนคือการรักกันในวันที่เรายังมีโอกาส เมื่อวันนั้นมาถึงเราจะรู้ว่าเราได้ใช้ชีวิตกับพวกท่านอย่างเต็มที่แล้ว และไม่ว่าเราจะอายุเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน เราจะยังเป็นเด็กน้อยในสายตาคนที่รักเราเสมอ
.
2. กลัวไม่มีเพื่อน
บนเส้นทางการเติบโตของเรา มีเพื่อนมากมายที่เดินจับมือเรามาด้วยกัน ได้วิ่งเล่น สนุกสนาน หัวเราะเฮฮา โดดเรียน เล่นเกม แอบกินขนมใต้โต๊ะตอนครูสอนไปด้วยกัน แต่น้องๆ บางคนอาจกลัวว่า เมื่ออายุมากขึ้นเราจะสนิทกับเพื่อนน้อยลงด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น เปลี่ยนโรงเรียน เพื่อนจะมีแฟน เราจะเรียนหนักขึ้น หรือมีสิ่งอื่นให้โฟกัสมากขึ้น บางคนอาจจินตนาการไปถึงวัยทำงานว่าจะต้องจริงจังกับงานและไม่มีเพื่อนให้เล่นสนุกแบบนี้ด้วยกันอีกแล้ว จนเกิดเป็นความกลัวนั่นเอง
.
🌿 #วิธีรับมือ
เช่นเดียวกับการไม่อยากห่างจากครอบครัว ขอให้ยอมรับความรู้สึกกลัว และความกังวลที่แวะผ่านเข้ามา แล้วระบุสาเหตุเป็นข้อๆ พร้อมแผนรับมือ
เป็นเรื่องที่ดีที่เราจะสื่อสารกับเพื่อนของเราว่า เรารู้สึกผูกพันกับมิตรภาพครั้งนี้มากแค่ไหน และเราอยากติดต่อกันอย่างไรในวันที่ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต และไม่ลืมรักษาช่วงเวลาที่แสนสนุกนี้ไว้ให้ดีที่สุด
สิ่งสำคัญที่พี่ๆ a-chieve อยากบอกกับพวกเราทุกคน คือ นอกจากการดูแลสายสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าแล้ว เรายังมีโอกาสได้รู้จักกับผู้คนใหม่ๆ ที่จะเข้ามาสร้างช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตเราเสมอ เพราะงั้นก็อย่าเพิ่งปิดใจล่ะ! :)
.
3. กังวลกับภาระที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้น
การเป็นผู้ใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนที่เข้มข้นขึ้น ชิ้นงานที่ยากขึ้นและมากขึ้น หลายคนอาจถูกมอบหมายให้แบ่งเบาภาระครอบครัวด้วยการช่วยเหลืองานบ้าน รับผิดชอบทำความสะอาดเสื้อผ้าของตัวเอง ดูแลน้อง ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วนของตัวเองด้วยการทำงานพาร์ทไทม์ (Part-Time) หรืออาจกังวลไปถึงอนาคตข้างหน้าหลังเรียนจบว่า ต้องใช้ชีวิตทั้งวันไปกับการทำงาน ส่งเงินให้ครอบครัว ดูแลพ่อแม่ เวลาที่จะได้สนุกสนานอาจลดน้อยลงไป ความเครียด ความเหนื่อยล้าต่างๆ มากมายจะต้องตามมา แบบที่เขาว่า “ยิ่งโตยิ่งมีเรื่องให้คิดมากขึ้น” จนทำให้น้องๆ อยากจะหนีจากการเป็นผู้ใหญ่แล้วขอไปนอนกลางวันแบบน้องอนุบาลดีกว่า
.
🌿 #วิธีรับมือ
ยอมรับความกังวลที่เกิดขึ้นในใจ และลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า “หากฉันทำสิ่งนี้เสร็จ ฉันจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง?” เช่น หากฉันทำงานสุดหินชิ้นนี้เสร็จ ฉันจะภูมิใจกับตัวเองและได้ความรู้มากขึ้น หรือ หากฉันต้องทำงานพาร์ทไทม์ นอกจากรายได้ที่เพิ่มเข้ามาให้ฉันนำไปซื้ออะไรก็ได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด ฉันจะมีประสบการณ์ในการทำงานที่จะนำไปต่อยอดในอนาคตได้ เป็นต้น
การมองหาประโยชน์ในงานที่ทำจะทำให้เรามองเห็นคุณค่าและเป้าหมายของสิ่งที่ทำอยู่ แล้วเราจะพบว่าภาระหน้าที่และบทบาทใหม่ๆ ที่เข้ามาเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้มันจะเหนื่อยบ้าง ชวนให้เครียดไปบ้าง หรือกินเวลาสนุกๆ ของเราไปบ้าง แต่มันจะทำให้เราค้นพบตัวเองในมุมใหม่ๆ และมอบมุมมองใหม่ๆ ในชีวิตให้กับเราเช่นกัน ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมแบ่งเวลาพักผ่อนให้กับตัวเองด้วยจ้ะ
.
4. กลัวไม่ประสบความสำเร็จ
“จะจบม.ต้นแล้วแต่ยังไม่เก่งเลย จะจบม.ปลายแล้วยังสอบเข้าที่ไหนไม่ได้เลย ทำไมไม่ดูเป็นผู้ใหญ่ตามอายุนะ?” และเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรายังทำได้ไม่ดีพอใน บางคนอาจจินตนาการไปไกลถึงขั้นว่าตัวเองอาจเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้ทำงานดีๆ ไม่ได้ซื้อบ้าน ซื้อรถแบบที่ใฝ่ฝัน จนเกิดความกดดัน ความกังวล และไม่อยากโตเพื่อที่จะไม่ต้องรู้สึกผิดหวัง หากชีวิตผู้ใหญ่ในฝันไม่เป็นดังที่คาด
.
🌿 #วิธีรับมือ
น้องๆ ที่กำลังกดดันตัวเอง รู้สึกว่า “ฉันไม่ดีพอ” ในตอนนี้ ให้ลองมองย้อนไปดูว่ากว่าจะมาเป็นเราในวันนี้ เราผ่านอะไรมาบ้าง การที่เรายังคงอยู่ตรงนี้ ได้เป่าเค้กวันเกิดในวัย 15 นั่งแก้โจทย์คณิตศาสตร์ในวัย 16 หรือสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่านในวัย 18 ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เราก็ได้ใช้ชีวิตผ่านเหตุการณ์สำคัญๆ มามากมายเลยนะ
ลองใช้เวลา 5 นาทีก่อนนอนขอบคุณตัวเอง ชื่นชมตัวเอง และบอกสิ่งที่เราภูมิใจในตัวเอง แล้วเราจะได้เจอความสำเร็จมากมายที่เราเคยทำมาก่อนหน้านี้ ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แค่ลุกขึ้นมาเรียนในตอนเช้าได้ทุกวันก็ถือว่าเป็นก้าวเล็กๆ ที่สำคัญแล้วล่ะ ขอเพียงยังคงมุ่งหน้าก้าวต่อไป น้องๆ จะได้เจอกับความสำเร็จอย่างแน่นอน
.
5. กลัวร่างกายเปลี่ยนแปลง
อยากหน้าใสตลอดไป ปวดใจทุกครั้งที่เห็นผมบาง กลัวตัวเองจะแก่ มีริ้วรอย อ้วนขึ้น และอื่นๆ อีกมากมายที่เรากลัวว่าร่างกายเราจะเปลี่ยนไปตามอายุ รวมถึงสุขภาพในอนาคตด้วย หลายคนไม่อยากจะปวดหลัง ไม่อยากจองคิวนวดแผนโบราณ กลัวโรคต่างๆ ที่จะเข้ามาบั่นทอนสุขภาพ ยิ่งมองเห็นคนในครอบครัวบ่นอุบเกี่ยวกับสายตาที่แย่ลง ยาประจำตัวที่ต้องกินทุกมื้อ ก็ยิ่งไม่อยากจะโต นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของร่างกายยังทำให้เราคิดถึง “ความตาย” ของเราเอง น้องๆ บางคนอาจเคยสั่นไหวเมื่อนึกว่าเวลาบนโลกเรามีจำกัด และตัวเองจะต้องจากไปในสักวัน ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เรากลัวทุกครั้งที่ร่างกายของเราเปลี่ยนตามวัย
.
🌿 #วิธีรับมือ
แม้เราจะหยุดร่างกายไม่ให้แก่ขึ้นไม่ได้ แต่เราสามารถชะลอความแก่และดูแลตัวเองให้สุขภาพแข็งแรงด้วยวิธีต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการดูแลสุขภาพใจของเราด้วย แล้วเราจะเป็นคนที่สุขภาพดี ที่ดูดีได้ในทุกช่วงวัย
การเปลี่ยนแปลงของร่างกายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว การเปลี่ยนแปลงเป็นเพื่อนที่ดีที่จะบอกกับเราว่า ที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง เราใจดีกับตัวเองบ้างไหม ได้นอนหลับพักผ่อนดีหรือเปล่า เช่นเดียวกันกับความตาย ที่เป็นเพื่อนที่จริงใจกับเราอีกคนที่จะคอยสะกิดเตือนให้เรา ใช้ทุกวันเวลาที่มีอยู่อย่างดีที่สุดทั้งเพื่อตัวเองและเพื่อคนที่เรารักนั่นเอง
.
อาจมีอีกหลายๆ เหตุผลมากมายนอกเหนือจากนี้ที่รอให้น้องๆ หาคำตอบด้วยตัวเอง
หากน้องๆ รู้สึกว่าไม่สามารถมูฟออนจากความกลัว ความกังวลได้ หรือรู้สึกรุนแรงมากขึ้นในทุกๆ วัน จนมีอาการทางกาย เช่น คิดถึงวันเกิดในปีหน้าแล้วใจสั่น มือสั่น จนกระทบกับการใช้ชีวิตของเรา การพูดคุยกับคนที่ไว้ใจและขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์ก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยได้เช่นกัน ไม่ว่าน้องๆ จะรับมือกับการไม่อยากโตด้วยวิธีไหน ขอให้รับรู้ว่าเรากำลังพยายามใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดแล้วล่ะนะ
.
การเติบโตเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เป็นธรรมดาที่เราจะกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้น เพราะเราต่างรู้ดีว่าการเติบโตจะนำการเปลี่ยนแปลง ประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งบวกและลบมาสู่ชีวิตเสมอ แต่เราสามารถลองผิดลองถูกไปกับชีวิตได้นะ
เราทุกคนต่างเป็นวัยรุ่นครั้งแรก และเราสามารถเป็นวัยรุ่นคนนั้นได้แค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้น กังวลถึงอนาคตได้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะพี่ๆ เชื่อว่าหากเราตั้งใจทำวันนี้ให้ดีเท่าที่น้องๆ จะทำได้แล้ว วันข้างหน้าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะไม่เสียดายวันเวลาที่ผ่านมาอย่างแน่นอน และถึงแม้อายุจะก้าวไปข้างหน้า เราก็ยังสามารถกักเก็บความสดใส ความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แบบวัยเด็กไว้ได้เสมอ
โอบกอดเด็กน้อยในใจเรา ดูแลเขาให้ดีๆ เพราะเขาจะอยู่กับเราไม่ว่าจะปักเทียนกี่เล่มบนเค้กวันเกิดก็ตาม 🙂
.
อ้างอิง
https://www.charliehealth.com/post/why-teens-and-young-adults-suffer-from-a-phobia-of-growing-up