“Trauma Dumping”  ระบายไม่ระเบิด แชร์เรื่องเจ็บปวดอย่างไร ไม่ให้ทำร้ายคนฟัง

วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 เวลา 07:57 • ใช้เวลาอ่าน 2 นาที
ปกเว็ป (1).JPG

 

เคยเป็นไหม? ฟังเรื่องทุกข์ของคนอื่นจนหมดแรง

เป็นที่ปรึกษาเบอร์หนึ่ง ไว้คอยรับฟังปัญหาเพื่อน ๆ กลายเป็นที่รองรับอารมณ์จนรู้สึกเหนื่อยล้า อึดอัด แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวเขาจะเสียใจ 

การเป็นคนที่คอยรับฟังเป็นเรื่องดี แต่บางครั้งเราก็ต้องยอมรับว่า "ใจของเราก็มีขีดจำกัด" เช่นกัน มาลองเข้าใจ Trauma Dumping หรือการระบายที่เกินขอบเขต จนกลายเป็นการถ่ายเทอารมณ์ที่หนักเกินไป พร้อมเรียนรู้วิธีพูดคุยให้ใจเบาขึ้น โดยไม่ทำให้ใครต้องหมดพลังไปพร้อมกัน 💙😊

 

Square-3.jpg

 

Trauma Dumping คืออะไร?

Trauma Dumping หรือ การทิ้งภาระทางอารมณ์ เป็น การระบายความรู้สึกที่ท่วมท้น หรือปัญหาชีวิตให้คนอื่นฟังแบบไม่ยั้ง อาจเป็นการเล่าเรื่องเครียด ๆ ซ้ำ ๆ หรือเล่าละเอียดจนคนฟังรู้สึกไม่สบายใจ โดยไม่สนใจว่าคนฟังพร้อมรับฟังหรือไม่ ซึ่งในบางครั้งอาจอยู่ในรูปแบบของการแชร์ลงโซเชียลมีเดีย  ซึ่งต่างจากการระบายความรู้สึกปกติที่มีการพูดคุยและรับฟังกันอย่างเหมาะสม

 

Square-4.jpg

 

ต่างจากการระบายปกติยังไง?

 📌การระบายปกติ คือ การเล่าเรื่องให้ใครสักคนฟัง ในเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม โดยเปิดพื้นที่ให้คนฟังได้แสดงความรู้สึก หรือแสดงความคิดเห็นบ้าง โดยพร้อมเปิดรับการหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน และใส่ใจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ฟังเมื่อได้ระบายออกไป
📌 Trauma Dumping คือการระบายทุกอย่างออกมาโดยไม่สนใจว่าคนฟังโอเคไหม หรือพร้อมรับฟังในช่วงเวลานั้นหรือเปล่า โดยอาจเป็นการเล่าซ้ำ ๆ จนคนฟังรู้สึกหนักใจ และไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายแสดงความรู้สึก หรือไม่พร้อมหาทางแก้ไขปัญหา และไม่สนว่าจะทิ้งบาดแผลอะไรไว้ให้ผู้ฟังบ้าง

 

Square-5.jpg

 

ตัวอย่างสถานการณ์ Trauma Dumping

🔹 ทักแชทหาเพื่อนมาด้วยข้อความยาวเหยียดเกี่ยวกับปัญหาชีวิต ในช่วงวันหยุดพักผ่อน โดยไม่ถามก่อนว่าเพื่อนพร้อมรับฟังไหม
🔹 โพสต์เรื่องราวปัญหาหนัก ๆ ลงโซเชียลแบบละเอียด ถี่ ๆ ติดต่อกัน  หรือเรื่องที่มีเนื้อหารุนแรง เปราะบาง โดยไม่ติดคำเตือน (Trigger Warning) ไว้ให้ผู้อ่านก่อน ทำให้คนที่เห็นรู้สึกเป็นห่วง แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
🔹 โทรหาเพื่อนทันทีที่ไม่สบายใจ โดยไม่ถามความสมัครใจก่อน ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลากลางดึก หรือโทรไปบ่อย ซ้ำ ๆ จนเพื่อนรู้สึกเครียดตามไปด้วย
🔹 พูดเรื่องเศร้า ๆ หรือตึงเครียด ขึ้นมากลางวงสนทนาในขณะที่ทุกคนกำลังมีช่วงเวลาดี ๆ 
🔹 ระบายปัญหาซ้ำ ๆ และปฏิเสธเมื่อผู้ฟังพยายามหาทางช่วยเหลือ เสนอทางแก้ไข และเล่าวนลูปกลับมาที่เดิม เช่น 

A :  “ลองไปคุยกับนักจิตวิทยาดูไหม เผื่อช่วยได้นะ”   
B : “เราคงไม่มีวันดีขึ้นแล้ว มันแย่ไปหมดเลย”

 

Square-6.jpg
 

ทำไมเราควรระวังการ Trauma Dumping ใส่ผู้อื่น

แม้ว่าการระบายความรู้สึกจะช่วยให้เราคลายความเครียด แต่ Trauma Dumping อาจส่งผลเสียทั้งต่อตัวเราเองและคนรอบข้างได้ เพราะ 

👉 เมื่อมีคนรับฟังปัญหาหนัก ๆ ซ้ำ ๆ โดยไม่ได้เตรียมตัวหรือไม่พร้อม พวกเขาอาจรู้สึกกดดัน อึดอัด หรือแม้แต่ได้รับผลกระทบทางอารมณ์ไปด้วย 
👉 อาจทำให้เพื่อนรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นนักบำบัด ทั้งที่จริง ๆ เขาอาจยังไม่พร้อม
👉 หากเรามักจะระบายแต่เรื่องทุกข์ใจ โดยไม่ได้สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย อาจทำให้เพื่อนหรือคนใกล้ตัวเริ่มหลีกเลี่ยงเรา หรือรู้สึกว่าเราเป็นภาระทางอารมณ์

👉การระบายมากเกินไปแบบไม่มีขอบเขต อาจทำให้เราเผลอแชร์เรื่องส่วนตัวมากเกินไป หรือใช้การระบายเป็นทางออกหลัก โดยไม่หาทางแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

👉แม้ว่า Trauma Dumping อาจทำให้เรารู้สึกโล่งชั่วคราว แต่ถ้าเราระบายโดยไม่ได้หาทางแก้ปัญหา ก็อาจทำให้เราติดอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ แบบเดิม

 

ระบายความทุกข์อย่างไร ไม่ให้กลายเป็นระเบิดเวลา

 

Square-7.jpg

 

ถ้าเราเป็นผู้พูด

✅ ถามความพร้อมผู้ฟังก่อนเล่าเรื่อง – ไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมรับฟังเรื่องหนัก ๆ ได้เสมอ ลองถามก่อนว่าเขาสะดวกฟังหรือไม่ เพื่อให้คนฟังเตรียมใจและตัดสินใจได้ว่าเขาพร้อมรับฟังแค่ไหน เช่น “ตอนนี้พอมีเวลาฟังเราหน่อยไหม มีเรื่องไม่สบายใจอยากเล่าให้ฟัง?”
เลือกคนที่เหมาะสมในการคุย – การระบายให้คนไม่รู้จักฟัง เช่น ระบายลงในโซเชียล อาจได้มาซึ่งคำแนะนำที่ไม่ได้เข้าใจเราจริง ๆ หรือถูกตัดสิน เลือกเพื่อนสนิทหรือคนที่เข้าใจเราจริง ๆ เพื่อเล่าเรื่องส่วนตัว ในขณะเดียวกันปัญหาที่ลึกซึ้งหรือซับซ้อน อาจต้องหาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา

เปิดใจรับฟังความคิดเห็น ไม่ใช่แค่ระบายอย่างเดียว-ถ้าเราระบายเรื่องเดิมซ้ำ ๆ โดยไม่รับฟังคำแนะนำ คนฟังอาจรู้สึกว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้ และเริ่มรู้สึกห่างจากเรา  เพราะการพูดคุยที่ดีไม่ใช่แค่การระบาย แต่เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น

ตั้งขอบเขตให้ตัวเอง ไม่เททุกอย่างออกมาพร้อมกัน – ถ้าเราระบายทุกเรื่องในครั้งเดียว อาจทำให้คนฟังรู้สึกหนักไปด้วย ลองเลือกเรื่องที่สำคัญและอธิบายอย่างมีขอบเขต

✅ พิจารณาการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ – ถ้ารู้สึกว่าปัญหาหนักมาก ลองปรึกษานักจิตวิทยา

ใช้วิธีอื่นช่วยจัดการอารมณ์ก่อนระบาย-ไม่จำเป็นต้องระบายทุกเรื่องให้คนอื่นเสมอ ลองใช้วิธีอื่นช่วยจัดการอารมณ์ก่อน เช่น การเขียนบันทึก การฟังเพลง  เพราะบางครั้งอารมณ์เรายังรุนแรง ถ้าระบายทันทีอาจทำให้เราพูดโดยไม่ยั้ง และกระทบคนฟัง

 

Square-8.jpg

 

ถ้าเราเป็นผู้ฟัง

✅ ถามตัวเองว่าโอเคไหม – เราพร้อมรับฟังเรื่องนี้หรือเปล่า? เรารู้สึกเครียดหรือหมดพลังจากการฟังมากเกินไปไหม?

✅ กำหนดขอบเขตให้ชัดเจน – ถ้ารู้สึกว่าเรื่องที่เพื่อนเล่าหนักหรือบ่อยเกินไป เรามีสิทธิ์ปฏิเสธหรือลดการฟังลง เราสามารถบอกเพื่อนได้ว่าเราขอพัก หรือให้เขาลองหาคนอื่นช่วยฟังบ้าง

แสดงความเข้าใจ แต่ไม่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง- ถ้าเพื่อนกำลังรู้สึกแย่ เราสามารถรับฟังและแสดงความเห็นใจได้ โดยไม่ต้องแบกรับปัญหานั้นมาเป็นของตัวเอง

✅ แนะนำให้คุยกับผู้เชี่ยวชาญ-บางปัญหาอาจหนักเกินกว่าที่เราจะช่วยได้ เช่น ปัญหาครอบครัว ความเครียดสะสม หรือเรื่องสุขภาพจิต ถ้าเราเริ่มรู้สึกว่าเพื่อนต้องการความช่วยเหลือมากกว่าที่เราจะให้ได้ อาจลองแนะนำให้เขาพูดคุยกับนักจิตวิทยาหรือครูแนะแนว

ไม่ต้องรู้สึกผิดที่ปฏิเสธ หลายคนอาจรู้สึกผิดถ้าต้องบอกเพื่อนว่า “เราไม่พร้อมฟัง” แต่จริง ๆ แล้ว การดูแลตัวเองก่อน ไม่ได้แปลว่าเราเป็นเพื่อนที่แย่

Trauma Dumping ไม่ได้หมายความว่าการระบายความรู้สึกเป็นเรื่องผิด แต่การเลือกจังหวะที่เหมาะสมและเคารพความรู้สึกของคนฟังเป็นสิ่งสำคัญ  อย่าลืมใส่ใจความรู้สึกของคนฟังด้วยนะคะ เพื่อที่เราจะได้มีช่วงเวลาแบ่งปันความสุขความทุกข์ที่เข้าอกเข้าใจกันไปนาน ๆ  😊💙

 


avatar-ผู้เขียน
พัชรพร ศุภผล ผู้เขียน

ใช้แมวเป็นวิตามิน มีร้านหนังสือและแกลอรี่อาร์ตเป็นพื้นที่ปลอดภัย รักเจ้าชายน้อยและคิดว่าตัวเองก็คงมาจากดาวb612 เช่นกัน

avatar-นักออกแบบภาพ
สาธิดา ราหุละ นักออกแบบภาพ

ทาสแมวที่วาดรูปได้นิดหน่อย รื่นรมย์กับคราฟต์เบียร์ การเดินทาง และศิลปะ

Tag :