แค่เห็นฝนโปรยลงมา ได้ยินเสียงฝนกระทบหลังคา ความรู้สึกสดชื่นสนุกสนานก็หายไปหมด เหลือแต่ความเหงาหงอยจ๋อยๆ ในใจ เป็นเรื่องปกติที่ความรู้สึกเหล่านี้เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ในวันฝนตก เพราะว่า ‘ฝน’ ไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่ออารมณ์ของเราอีกด้วย
.
วันนี้ a-chieve เลยอยากชวนทุกคนไปดูความเชื่อมโยงระหว่าง ฝน กับ อารมณ์กับเรา ว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เราเหงาและเศร้าในวันฝนตก พร้อม 4 วิธีรับมือ ที่จะทำให้เรากอดความเหงาในวันฝนตกได้อย่างเท่าทันความรู้สึกตัวเอง
.

#สาเหตุที่อาจทำให้เหงาและเศร้ายามฝนตก
1. ไม่ได้รับแสงแดด
เพราะวันที่ฝนตกมักจะมาคู่กับท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำบดบังแสงแดด และบรรยากาศอึมครึมตลอดวัน การที่แสงแดดหายไปนั้นเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เราเกิดอารมณ์เศร้า เหงา ซึม เพราะแสงแดดมีผลต่อระดับเซโรโทนินในสมอง ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่น มีความสุข สงบ มีสมาธิ และมีความมั่นคงทางอารมณ์ ดังนั้น เมฆฝนที่บังแสงแดดอย่างต่อเนื่อง ทำให้การผลิตเซโรโทนินลดลง ส่งผลต่อระดับพลังงานและอารมณ์ของเราตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้การที่แสงแดดหายไปยังส่งผลให้สารเมลาโทนิน ซึ่งปกติสมองจะหลั่งออกมาในเวลากลางคืนเพื่อให้เราหลับสนิท ถูกผลิตเพิ่มมากขึ้น ทำให้เราเกิดอาการเบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไรนอกจากนอนนั่นเอง
.
2. ไม่ได้ทำกิจกรรมที่ต้องการ
คงไม่มีอะไรน่าหงุดหงิดและผิดหวังไปกว่าการผิดแผนที่เราตั้งใจไว้ว่าจะทำอะไรสักอย่าง แต่ฝนดันตกมาเป็นอุปสรรคจนทำให้ต้องยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรมนั้นออกไป เช่น กำลังจะออกไปเที่ยวนอกบ้าน หรือ วางแผนจะซักผ้าที่กองไว้เป็นอาทิตย์ นอกจากนี้ การติดฝนอยู่ในบ้าน บนรถขณะเดินทางกลับบ้าน หรือที่ใดที่หนึ่งเป็นระยะเวลาสักพัก จะมีส่วนกระตุ้นอารมณ์เศร้า และทำให้เราพลังงานลดน้อยลงจนรู้สึกเหนื่อยล้าในที่สุด
.
3. ความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จะเห็นได้ว่าในแต่ละปี โลกของเรามีอากาศแปรปรวนมากขึ้นเรื่อยๆ จากสภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงของฟ้าฝนที่ดูรุนแรงนี้ ทำให้หลายๆ คนรู้สึกวิตกกังวลไปจนถึงสิ้นหวังกับโลก และตระหนักถึงเหตุการณ์เลวร้ายจากธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ จนนำมาสู่ภาวะซึมเศร้า โดยเฉพาะหากภัยพิบัตินั้นส่งผลกระทบต่อเราด้วย เช่น บ้านอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เป็นต้น
4. ภาวะซึมเศร้าตามฤดูกาล หรือ SAD (Seasonal Affective Disorder)
นอกจากความรู้สึกเหงา เศร้าโดยทั่วไปเมื่อฝนตกแล้ว หากเราสังเกตตัวเองและพบว่าอาการเศร้า เหงา หดหู่นี้จะมาทุกครั้งที่เข้าสู่ฤดูฝนหรือช่วงฤดูหนาว และจะอารมณ์ดีขึ้นเมื่อผ่านพ้นฤดูเหล่านี้ไป ขอแนะนำให้สังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น นอนหลับสนิทดีไหม กินมากหรือน้อยกว่าปกติ หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย หรือสมาธิสั้นลงหรือเปล่า เพราะอาการเหล่านี้ อาจเป็นภาวะซึมเศร้าตามฤดูกาล (SAD) ซึ่งเป็นภาวะซึมเศร้าประเภทหนึ่งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยผู้ที่อยู่ในภาวะนี้จะเกิดความรู้สึกเศร้า เหงา หดหู่ในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว และจะกลับมาแจ่มใสเหมือนเดิมเมื่ออากาศกลับมาปกติ หากมีภาวะดังกล่าวยาวนานเกิน 2 สัปดาห์ แนะนำให้พบจิตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

#4คำแนะนำสำหรับรับมือความรู้สึกเหงาเศร้าในวันฝนตก
1. เพิ่มแสงไฟให้สภาพแวดล้อม
เมื่อแสงแดดจากธรรมชาติไม่เพียงพอและลมฝนที่รุนแรงอาจทำให้เราต้องปิดหน้าต่างมิดชิดอยู่ในบ้าน ลองเปิดไฟในบ้านให้สว่างมากขึ้น หรือจะเพิ่มโคมไฟเล็กๆ ข้างโต๊ะหรือเตียง ไฟเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเซโรโทนินที่ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้
2. ออกกำลังกายในบ้าน
การออกกำลังกายเบาๆ ภายในบ้าน หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ในบ้านที่ช่วยให้ร่างกายได้ขยับเคลื่อนไหว อย่างการทำความสะอาดบ้าน การเล่นกับสัตว์เลี้ยง เต้นรำ ฯลฯ จะช่วยให้ร่างกายสามารถหลั่งอะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นและตื่นตัว
3. ออกไปข้างนอก
มันเป็นเรื่องยากที่จะออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงที่ฝนตก แต่การลองสวมเสื้อกันฝน กางร่มและออกไปทำกิจกรรมตามปกตินอกบ้าน ท้าทายความรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องติดฝน เบียดกับผู้คน หรือเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทาง ความรู้สึกสำเร็จเล็กๆ ที่ออกจากบ้านมาได้นี้ จะเป็นอีกทางเลือกที่ทำให้เราจัดการกับความรู้สึกเหงาในช่วงฝนตกได้ อย่างไรก็ตามแนะนำให้ประเมินความรุนแรงของฝนก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
4. ให้ความสำคัญกับการนอน
ช่วงที่ฝนตกอาจทำให้เรารู้สึกอยากนอนตลอดเวลา ดังนั้นจึงจำเป็นมากที่จะให้ความสำคัญกับเวลานอนของตัวเอง โดยพยายามฝืนไม่นอนกลางวันในช่วงฝนตก และนอนหลับตอนกลางคืนให้เป็นเวลาตามปกติ เพื่อที่จะไม่ให้ร่างกายชินกับการนอนทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยน ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลและวิธีรับมือกับความเหงาในช่วงฝนตก แต่ยังมีวิธีอีกมากมายที่เราสามารถสำรวจและค้นพบได้ด้วยตัวเอง ขอแค่ลองหมั่นสังเกตความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอว่าทุกครั้งที่ฝนตก เรารู้สึกอย่างไร และกิจกรรมไหนบ้างที่ทำแล้วเรารู้สึกดีขึ้น
อ้างอิง
- https://wexnermedical.osu.edu/blog/fight-off-gloomy-weather-depression