ผู้คนให้ดอกไม้แทนใจกันมาตั้งแต่ยุคโรมัน ก่อนจะทำให้มันพิเศษยิ่งขึ้นด้วยการหาความหมายและเทียบเคียงความรู้สึกให้กับดอกไม้แต่ละชนิด แต่รู้ไหมว่า เราทุกคนมีดอกไม้ที่เบ่งบานสวยงามในช่วงเดือนนั้นๆ ด้วยนะ เราเรียกดอกไม้ที่เบ่งบานเป็นพิเศษในเดือนนั้นๆ ว่า ดอกไม้ประจำเดือนเกิด ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งแตกต่างกันไป วันนี้เรามาฟังเสียงจากดอกไม้ในแต่ละเดือน ที่บอกความรู้สึกและส่งพลังดีๆ ให้กับเรากัน

มกราคม: ดอกคาร์เนชั่น
ดอกคาร์เนชั่นมอบสีสันในช่วงเดือนมกราคมที่หนาวเย็น เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความหลงใหล และความแตกต่าง เพราะสีที่ต่างกันสื่อความหมายที่แตกต่างกัน ดอกคาร์เนชั่นสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่บริสุทธิ์ สีเหลืองคือความรักที่ปรารถนาจะอยู่ใกล้ชิดกัน สีชมพูอาจหมายถึงความรักที่เรียบง่าย ในขณะที่ดอกคาร์เนชั่นสีแดงเข้มหมายถึงความรักที่ลึกซึ้ง
ดอกคาร์เนชั่นอยากบอกกับเธอว่า : จงเบ่งบานด้วยความรัก! เธอให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับผู้อื่น เธอมีความรักอย่างจริงใจให้กับครอบครัว เพื่อน และผู้คนรอบข้าง อย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม อย่าลืมให้ความรักกับตัวเองด้วยนะ

กุมภาพันธ์: ดอกไวโอเล็ต
เรเชล โรบินเนตต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร เคยกล่าวว่า พลังงานของดอกไวโอเล็ตนั้นมอบความอบอุ่นท่ามกลางอากาศเย็นและชื้น จึงมีการนำมาทำเป็นยาบำรุงสุขภาพตั้งแต่สมัยก่อน ดอกไวโอเล็ตเป็นตัวแทนของความจงรักภักดี ความกล้าหาญ สติปัญญา และศรัทธา ดอกไม้เล็กๆ เหล่านี้ยังสามารถทนต่อสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยอย่างความหนาวเย็นได้ดีอีกด้วย
ดอกไวโอเล็ตอยากบอกกับเธอว่า : เธอช่างคิด ช่างฝัน และกล้าหาญมาก เธอยังมอบพลังงานความอบอุ่นให้กับผู้คนรอบข้าง และเติบโตท่ามกลางอุปสรรคได้ดีเลย วันไหนที่รู้สึกเหนื่อย ก็อนุญาตให้ตัวเองได้พักซักนิดนะคนเก่ง

มีนาคม: ดอกแดฟโฟดิล
ว่ากันว่าถ้าเธอเห็นดอกแดฟโฟดิลบานครั้งแรก เธอจะมีโชคดีไปทั้งปี แดฟโฟดิลมีสีเหลืองสดใสเหมือนแดดแรกหลังฤดูหนาว ดอกแดฟโฟดิลจึงหมายถึง การเริ่มต้นใหม่และความปิติยินดี สีเหลืองและสีขาวเป็นสัญลักษณ์บอกว่า มีแสงแห่งความหวังคอยส่งพลังให้เธอเสมอ
ดอกแดฟโฟดิลอยากบอกกับเธอว่า : มีความสุขและสนุกไปกับชีวิตกันเถอะ เธอเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ในการใช้ชีวิตเสมอ ใจดีกับผู้คน ไม่กลัวที่จะลงมือทำอะไรใหม่ๆ เธอไม่กลัวความผิดหวัง ช่างเป็นคนที่มีพลังใจแข็งแรงจริงๆ

เมษายน: เดซี่
ดอกเดซี่ ชื่อนี้มาจาก "Day's eye" หรือ "ดวงตาของกลางวัน” ของชาวแองโกล-แซกซอน เพราะเบ่งบานในช่วงฤดูร้อนท่ามกลางแสงอาทิตย์สว่างไสว ดอกเดซี่เป็นตัวแทนของความไร้เดียงสา ความบริสุทธิ์ และการรักษาความลับ ดอกเดซี่จะหุบกลีบดอกในเวลากลางคืน เผยให้เห็นเพียงจุดศูนย์กลางสีเหลือง ซึ่งเป็นความลับเล็กๆ ที่รอคอยการเปิดเผยเมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงอีกครั้ง
ดอกเดซี่อยากบอกกับเธอว่า : เธอคือความสดใสของโลกใบนี้! ร่าเริง เบิกบาน คือนิยามตัวตนของเธอ เธอมักจะทำให้วันของทุกคนสดใสขึ้นเพียงแค่เป็นตัวของตัวเอง เธอยังเป็นคนซื่อสัตย์และรักษาสัญญาเป็นอย่างดี หากมีใครเล่าอะไรให้เธอฟัง ขอแค่เธอเปิดใจรับฟังผู้อื่นอย่างจริงใจ ไม่ตัดสิน และรักษาความลับไว้เหมือนเดซี่ยามค่ำคืน

พฤษภาคม: ดอกฮอว์ธอร์น
ชาวกรีกโบราณมองว่าฮอว์ธอร์นเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและความอุดมสมบูรณ์และความรักในครอบครัว ชาวกรีกมักมอบดอกไม้ชนิดนี้ในพิธีแต่งงาน ในยุคปัจจุบันดอกฮอว์ธอร์นยังเป็นสมุนไพรบำรุงหัวใจ
ต้นฮอร์ธอร์นมีกิ่งก้านและหนามที่เหมาะสมให้นกสร้างรังได้อย่างปลอดภัย และมีอายุขัยยาวนานถึง 400 ปี จึงเป็นดอกไม้ที่หมายถึงการดูแลปกป้องอีกด้วย
ดอกฮอว์ธอร์นอยากบอกกับเธอว่า : เธอมีหัวใจทองคำ เสียสละตนเองเพื่อผู้อื่นเสมอ เธอปรารถนาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนรอบข้าง เธอพร้อมจะปกป้องคนรอบตัว อย่าลืมว่าเธอเองก็สมควรได้รับการปกป้องและความช่วยเหลือจากผู้อื่นเช่นกันนะ
นอกจากดอกฮอว์ธอร์นแล้ว บางตำรากล่าวว่า ดอกลิลลี่แห่งหุบเขา ก็เป็นดอกไม้ประจำเดือนพฤษภาด้วยเช่นกัน ลิลลี่แห่งหุบเขามีรูปทรงคล้ายระฆังใบจิ๋ว แสดงถึงความอ่อนน้อม ถ่อมตน แต่มีพิษอ่อนๆ อยู่ในกลีบดอก ทำให้เธอเป็นคนที่อ่อนน้อม ถ่อมตนแต่ไม่ได้อ่อนแอ

มิถุนายน: ดอกกุหลาบ
แม้ว่าดอกกุหลาบจะเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความหลงใหล แต่ก็มีความหมายเชิงสัญลักษณ์แตกต่างกันไปตามสี กุหลาบแดงแสดงถึงความรัก กุหลาบสีส้มแสดงถึงความหลงใหล และสีเหลืองหมายถึงมิตรภาพ สีขาวเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ และสีชมพูแสดงถึงอารมณ์ที่นุ่มนวล เช่น ความชื่นชม ดอกกุหลาบยังมีความหมายถึง ความงามและความเคารพ
ดอกกุหลาบอยากบอกกับเธอว่า: แน่นอน เธอเป็นคนเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความรัก เธอเข้ากับผู้คนได้ง่ายและสามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่หรือสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อย่างง่ายดาย เธอมีแง่มุมที่หลากหลายเหมือนกุหลาบที่มีหลายสี สำรวจความหลากหลายทางอารมณ์และบุคลิกที่เบ่งบานในตัวเธอต่อไปนะ

กรกฎาคม: ดอกบัว
ดอกบัวแสดงถึงความสงบ ความบริสุทธิ์และสง่างาม ดอกบัวจะบานสงบนิ่งท่ามกลางผืนน้ำ เป็นดอกไม้ที่มีความมุ่งมั่น อุตสาหะ และให้ความหวังว่าสิ่งสวยงามจะงอกงามได้เสมอแม้ต้องผจญความทุกข์
ดอกบัวอยากบอกกับเธอว่า : เธอคือนักสู้! เธอมีความขยันและความมุ่งมั่นในสายเลือด เหมือนดอกบัวที่ขับเคลื่อนตัวเองผ่านโคลนและน้ำขุ่นมาสู่แสงแดดเจิดจ้า เธอมีจิตใจที่บริสุทธิ์ เปิดกว้าง และเชื่อว่าจะมีความหวังงอกงามเสมอ พลังของความพยายามและความหวังจะทำให้เธอรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างสงบ
นอกจากราชินีแห่งไม้น้ำอย่างดอกบัว บางตำราจะยกให้ดอกเดลฟิเนียม เป็นดอกไม้ประจำเดือนนี้ด้วยเช่นกัน น่าสนใจที่ดอกเดลฟิเนียมมาจากภาษากรีกที่แปลว่า โลมา (ซึ่งก็มาจากน้ำอีกแล้ว!) ดอกเดลฟิเนียม เป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาศักยภาพอย่างไม่มีสิ้นสุด เธอจึงเป็นนักสู้ตัวจริงเลยล่ะ

สิงหาคม: ดอกป๊อบปี้
ดอกป๊อปปี้สีสดใสเป็นดอกไม้ประจำเดือนสิงหาคม และมีหลายสีด้วย ในปัจจุบัน ดอกป๊อปปี้มักถูกใช้เพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผ่านศึก ดอกป๊อปปี้เป็นสัญลักษณ์ของความทรงจำและเกียรติยศ ในขณะที่ดอกป๊อปปี้สีต่างๆ ยังมีความหมายแตกต่างกันตั้งแต่ความสุข ความสำเร็จ ไปจนถึงการปลอบโยน ดอกป๊อปปี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของจินตนาการอีกด้วย
ดอกป๊อบปี้อยากบอกกับเธอว่า : เธอมักปลอบประโลมผู้คนอย่างอ่อนโยน เธอหลงใหลในสิ่งใหม่ๆ และอยากรู้อยากเห็นโลกรอบตัวอย่างไม่รู้จบ เธอย่ำเท้าเดินบนพื้นโลกอย่างแผ่วเบา และสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองจากทุกๆ อย่างที่เธอพบ
ไม่เพียงแต่ดอกป๊อบปี้ แต่ในเดือนนี้บางตำราบอกว่า ดอกแกลดิโอลัส เป็นดอกไม้ประจำเดือนนี้ด้วยเช่นกัน และมีความหมายเกี่ยวข้องกับเกียรติยศด้วย เพราะชื่อดอกแกลดิโอลัส มาจากภาษาละติน ที่หมายถึงดาบ กลาดิเอเตอร์ (นักรบชาวกรีกโบราณ) จะประดับดอกไม้ชนิดนี้ติดตัวก่อนลงสนามประลองเพื่อปกป้องอันตรายและความตาย เธอจึงมีพลังความเป็นผู้นำและความแข็งแกร่งจากดอกไม้ชนิดนี้ด้วย

กันยายน: ดอกแอสเตอร์
ตำนานกรีกกล่าวว่าแอสเตอร์ (Asters) เป็นคำที่ใช้เรียกดวงดาว ถูกสร้างขึ้นโดยเทพธิดา Astraea ผู้ร้องไห้เมื่อเห็นดาวบนท้องฟ้าน้อยเกินไป น้ำตาของเธอก็กลายเป็นดอกไม้รูปดาว แอสเตอร์เป็นตัวแทนของความรัก ความศรัทธาและความเศร้าโศก
ดอกแอสเตอร์อยากบอกกับเธอว่า : เธอมีอารมณ์ร่วมกับผู้อื่นเสมอ ทำให้เธอมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นอย่างจริงใจและล้นหลาม เธอชอบความสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตาม เธอสามารถใช้ความเศร้าและความเห็นใจขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ได้เช่นกัน
จากดาวบนท้องฟ้า สู่แสงอาทิตย์ยามเช้า บางตำราบอกว่าดอกมอร์นิ่งกลอรี่ หรือดอกผักบุ้ง เป็นดอกไม้ประจำเดือนนี้ด้วยเช่นกัน มันเบ่งบานอย่างรวดเร็วรับแสงอาทิตย์ในตอนเช้า มอร์นิ่งกลอรี่เป็นสัญลักษณ์ของความรักและความห่วงใย เธอจึงเป็นคนรุ่มรวยความรัก ความห่วงใย ในทุกห้วงเวลาของชีวิต

ตุลาคม: ดอกดาวเรือง
เฉดสีส้ม-เหลืองของดาวเรือง เสมือนการเก็บแสงแดดของฤดูร้อนไว้ก่อนจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ฤดูอื่น สีสันของดาวเรืองทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกอบอุ่น ทำให้ดอกดาวเรือง มีความหมายถึงความรัก ความคิดสร้างสรรค์ และความอบอุ่น ดอกดาวเรืองยังสามารถนำมาทำเป็นชาที่อ่อนโยนต่อร่างกายอีกด้วย
ดอกดาวเรืองอยากบอกกับเธอว่า : นี่คนหรือไมโครเวฟเนี่ย!? เธออบอุ่นกับผู้คนรอบข้าง อ่อนโยน ใจดีและเป็นกันเอง เธอชอบความสุขสงบ เรียบง่าย แต่อย่าลืมใจดีกับตัวเองด้วยนะ

พฤศจิกายน: ดอกเบญจมาศ
ชาวญี่ปุ่นถือว่าดอกเบญจมาศเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แบบ กลีบดอกไม้ที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบเป็นแรงบันดาลใจให้ขงจื๊อ นักปราชญ์ชาวจีน แนะนำวิธีการใช้ดอกเบญจมาศเป็นวัตถุแห่งการทำสมาธิ ดอกเบญจมาศเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพ ความสุข และพลังงานแง่บวก
ดอกเบญจมาศอยากบอกกับเธอว่า : เธอเป็นก้อนแบตเตอรี่แห่งพลังงานบวก เธอเต็มไปด้วยพลังในการเรียนรู้ และลงมือทำสิ่งต่างๆ เธอรักการอยู่กับผู้คน และให้ความสำคัญกับมิตรภาพ พลังงานแง่บวกจากเธอทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ได้รับพลังนี้ไปด้วย แต่อย่าลืมหาเวลาพักผ่อนด้วยนะ
ธันวาคม: ดอกฮอลลี่
ดอกฮอลลี่ หรือรู้จักกันในชื่อดอกไม้คริสต์มาส มีความหมายเกี่ยวข้องกับความรื่นเริง สนุกสนาน และความหวานหอม การมอบดอกฮอลลี่ให้ใครซักคนยังมีความหมายว่า “เธอยอดเยี่ยมที่สุด” อีกด้วย
ดอกฮอลลี่อยากบอกกับเธอว่า : เธอคือตัวแทนของเสียงหัวเราะและความรื่นเริง เธอเบ่งบานท่ามกลางการเฉลิมฉลอง ความสุข และเสียงหัวเราะของเทศกาลคริสต์มาส นั่นทำให้เธอเป็นคนเอื้ออาทร เปี่ยมอารมณ์ขัน และร่าเริง เธอมั่นใจในตัวเองเสมอ
แม้จะมีดอกไม้พิเศษในแต่ละเดือน แต่เราสามารถทำให้ตัวเองเปิดรับพลังงานบวกเช่นดอกไม้ในเดือนอื่นๆ ได้เช่นกัน เราอาจมีมีทั้งความสดใสเช่นดอกเดซี่ เป็นคนอบอุ่นและใจดีกับผู้อื่นเหมือนดาวเรือง และรุ่มรวยไปด้วยความร่าเริง สนุกสนานอย่างดอกฮอลลี่ ก็ได้
มาปลูกดอกไม้ให้เบ่งบานในใจกันนะ : )
แหล่งอ้างอิง