วันที่ฝนตกในหัวใจ ขอแค่ใครเปียกปอนไปด้วยกัน

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 เวลา 01:09 • ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ฝนตกหัวใจ-02.jpg

 

ในวันที่หัวใจมีฝนความเศร้าตกหนักจนหมดเรี่ยวแรงกำลังใจจะคว้าร่มที่อยู่ตรงหน้า ทิ้งตัวให้เสียใจกับความผิดหวังที่กระหน่ำเข้ามาเป็นพายุฝน สอบตก ทะเลาะกับเพื่อน ที่บ้านไม่เข้าใจ ผิดหวังกับความรัก ฯลฯ เธอต้องการคนข้างๆ แบบไหนที่คิดว่าจะเข้ามาทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้ ระหว่างใครสักคนที่เดินฝ่าสายฝน เปียกปอนหามุมหลบฝนไปด้วยกัน หรือแค่ใครสักคนที่บอกกับเธอว่าให้ลองหยิบร่มขึ้นมากางซะสิ จะได้ไม่เปียกอีกต่อไป

.

เพราะเราทุกคนเคยเศร้าหรือยืนมองคนที่เรารักเปียกปอนด้วยความเศร้า แล้วเราเป็นใครกันนะ ในวันฝนตกนี้? 


 

ก่อนอื่น ลองย้อนสำรวจตัวเองก่อนว่า… 

#ในฐานะผู้ฟัง เคยไหมที่รู้สึกสงสารหรือเห็นใจเมื่อเพื่อนมาแชร์ความรู้สึกเศร้าและปัญหาให้ฟัง เราอาจรู้สึกปรารถนาดี อยากยื่นมือเข้าช่วยด้วยความเป็นห่วง จึงพยายามแนะนำทุกวิธีทางเพื่อให้เพื่อนหายเศร้าหรือจบปัญหานั้นได้ไวๆ แต่กลับกลายเป็นว่านอกจากเพื่อนจะไม่ทำตามคำแนะนำของเราแล้ว เขาหรือเธออาจเศร้ายิ่งกว่าเดิมหรือเลือกจบบทสนทนาไปเลย 

หรือกลับกัน #ในฐานะผู้พูด วันที่ตัวเราเองอาจรู้สึกโศกเศร้าเสียใจอย่างหนักและต้องการระบายให้เพื่อนฟังว่า “ฉันกำลังเศร้าเพราะคะแนนสอบน้อยเกินไป” แล้วเพื่อนก็พยายามปลอบใจด้วยคำว่า “อย่างน้อย เธอก็ไม่สอบตก” ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนต้องการปลอบอย่างจริงใจ แต่เราก็ยังรู้สึกเศร้าอยู่ดีแม้จะเห็นด้วยก็ตาม 


 

หากเคยตกอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ นั่นหมายความว่าสิ่งที่เจอคือ #ความสงสาร (Sympathy) แต่รู้ไหมว่าฝนจะไม่มีวันหยุดตกได้ หากปราศจาก #ความเข้าอกเข้าใจ (Empathy)


 

.

ความต่างระหว่าง ความสงสาร  (Sympathy) กับ ความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) 

เพราะทั้งความสงสารและความเข้าอกเข้าใจนั้นล้วนเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตา a-chieve จึงขอนำสถานการณ์ตัวอย่างที่ เทเรซา ไวซ์แมน (Theresa Wiseman) นักวิชาการและนักวิจัยสุขภาพประยุกต์ในการดูแลโรคมะเร็ง แห่งมหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตัน (University of Southampton) ใช้อธิบายความแตกต่างระหว่าง ความสงสาร และความเข้าอกเข้าใจ มาอธิบายให้ทุกคนทำความรู้จักให้มากขึ้นค่ะ


 

เทเรซาอธิบายว่า

“ความเข้าอกเข้าใจเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น เมื่อมีใครสักคนตกลงไปในหลุมลึกที่มืดสนิท พวกเขาอาจตะโกนว่า ‘ช่วยด้วย ฉันติดอยู่ในหลุมนี้’ ผู้ที่มีความเข้าใจผู้อื่น จะลงไปนั่งในหลุมนั้นด้วยกันและบอกว่า ‘ไม่เป็นไรนะ เธอไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว และเรารับรู้ความรู้สึกมืดมิดนี้ไปด้วยกัน’ ในขณะที่ความสงสารนั้น เปรียบเสมือนผู้คนที่อยู่บนปากหลุมและตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างล่างว่า ‘โอ้ เธอติดอยู่ในหลุมเหรอ ฉันเสียใจด้วยนะ น่าสงสารจัง’ ”

.

ด้วยเหตุนี้ ความเข้าอกเข้าใจจึงเป็นการเชื่อมต่อกับความรู้สึกของคนอื่น เป็นการที่เรา “รู้สึกแบบเดียวกันกับที่เขาหรือเธอรู้สึก” (และเพราะเราเจอและรับรู้ความหนักหรือความเจ็บปวดของความรู้สึกนั้นๆ ที่เขามี เราจึงเข้าใจแบบไม่ทึกทักคิดเอาเอง) 

ส่วนความสงสารนั้นเป็นการที่เรา “รู้ว่าผู้อื่นรู้สึกยังไง” (รับทราบ แต่อาจยังไม่ได้เปิดพื้นที่เอาตัวเองเข้าไป รับรู้สภาวะนั้นๆ ของเขามากนัก) 


 

มันไม่ได้หมายความว่าความสงสารนั้นเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี เพราะเราแต่ละคนต่างมีความต้องการในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกัน บางคนต้องการใครสักคนที่แสดงความรู้สึกสงสารเห็นใจ บางคนต้องการความช่วยเหลือหรือสนับสนุน และบางคนอาจต้องการแค่ใครสักคนที่เข้าอกเข้าใจพวกเขา


 

ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา ขอให้เราไม่ลืมเพิ่มความเข้าอกเข้าใจด้วยนะ.


 

ฉันจะเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นได้อย่างไร

 

เทเรเซาได้พูดถึง องค์ประกอบ 4 ข้อของการสร้างความเข้าอกเข้าใจ ไว้ดังนี้

 

1. รับรู้จากมุมมองของอีกฝ่าย การจะเข้าใจใครสักคน เราต้องถอดความเป็นตัวเองออกก่อนและพยายามมองแบบเขา ทำความเข้าใจสิ่งที่เขาคิดและรู้สึก ไม่เอาประสบการณ์ของตัวเองเข้าไปแนะนำ เช่น หากเพื่อนกำลังเศร้าเพราะกดบัตรคอนเสิร์ตวงโปรดไม่ทัน แม้เราจะไม่ได้สนใจวงนี้ แต่หากเราพยายามทำความเข้าใจจากมุมมองของเพื่อนว่านี่คือวงที่เพื่อนชื่นชอบและเฝ้ารอมานาน เราจะเข้าใจความรู้สึกเสียใจนี้ได้ดีขึ้น

 

2. รับฟังด้วยใจที่ไม่ตัดสิน เมื่อใครสักคนกำลังเล่าสิ่งใดให้ฟัง การด่วนตัดสินพวกเขาว่าดี ไม่ดี ถูก ผิด อย่างไร แม้จะเป็นการคิดในใจ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะเป็นการลดทอนประสบการณ์และความรู้สึกของคนอื่น ทำให้เราไม่ได้เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของเขา เช่น หากมีเพื่อนมาเล่าว่า “ช่วงนี้ไม่อยากทำอะไร เบื่อ” เราอาจรับฟังอย่างตั้งใจว่าเพื่อนจะเล่าอะไร มากกว่าการตัดสินในใจว่า “เพราะเพื่อนขี้เกียจน่ะสิ” 

 

3. รับและรู้ความรู้สึกและอารมณ์ของอีกฝ่าย คือ การเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกของอีกฝ่าย รู้สึกแบบที่อีกฝ่ายกำลังรู้สึก

 

4. สื่อสารความรู้สึกออกไป มันสำคัญมากที่จะแสดงออกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า เราเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย สิ่งนี้ทำให้คนที่เรากำลังสื่อสารด้วยรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและรับรู้ว่าความต้องการของตนถูกมองเห็น เช่น หากมีเพื่อนเล่าว่ากำลังรู้สึกกดดันกับการเรียน เราอาจแสดงการรับรู้ด้วยการถามทวนคำถามไปว่า “เธอกดดันมากเลยใช่ไหมกับการเรียนตอนนี้” หรืออาจเพียงแค่พยักหน้าเข้าใจ ส่งเสียงอืม ตอบรับอย่างเข้าใจ ก็ได้ นอกจากนี้ การสื่อสารยังเป็นตัวช่วยตรวจสอบความรู้สึกอีกฝ่ายด้วยว่าเราเข้าใจถูกต้องตรงกันหรือไม่

.

เช่นนี้แล้ว หากกลับไปอ่านข้อความข้างต้นใหม่ ในวันที่ใครบางคนหัวใจกำลังเปียกปอนด้วยฝนความเศร้า เราจะก้าวไปจับมือ โอบกอดความเหน็บหนาว แล้วประคับประคองหาที่ร่มที่ปลอดภัยไปด้วยกัน หรือจะเพียงแต่ตะโกนให้อีกฝ่ายคว้าร่มขึ้นมาด้วยตัวเอง 


 

สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้และกำลังมีฝนตกอยู่ในใจเช่นกันล่ะก็ หากยังไม่มีใครเดินผ่านเข้ามา ก็อย่าลืมเข้าอกเข้าใจตัวเอง รับรู้ว่าตัวเราก็เป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจได้ อย่าลืมขยับมือและหัวใจโอบกอดตัวเองไว้ด้วยความรัก ให้เวลาตัวเองสักพัก มีแรงเมื่อไรแล้วค่อยหยิบร่มขึ้นมานะ :)


 

อ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=KZBTYViDPlQ

https://scarlettstrategic.com.au/2019/08/24/theresa-wisemans-four-attributes-of-empathy/

 

 


avatar-ผู้เขียน
พัชรพร ศุภผล ผู้เขียน

ใช้แมวเป็นวิตามิน มีร้านหนังสือและแกลอรี่อาร์ตเป็นพื้นที่ปลอดภัย รักเจ้าชายน้อยและคิดว่าตัวเองก็คงมาจากดาวb612 เช่นกัน

avatar-นักออกแบบภาพ
Kidsun นักออกแบบภาพ

อยากเกิดใหม่เป็นเป็ด จะได้เป็น เป็ดปักกิ่ง

Tag :