ฉลามนั้นชอบงับคุณ ส่วนผมนั้นชอบคุณงับ
จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่ฉลามที่อยาก “งับ” คุณ เพราะในบางครั้งที่เมื่อเห็นสิ่งน่ารักอย่างลูกสัตว์เลี้ยง เด็กตัวเล็กๆ หรือคนข้างๆ ที่น่ารักซะเหลือเกิน แม้ไม่มีเจตนาจะทำให้บาดเจ็บแต่เราก็อยากจะเข้าไป “งับ” เบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว
อาการเหล่านี้มีที่มายังไง วันนี้ a-chieve มีคำตอบมาให้ทุกคนค่ะ
.
มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์มากมายที่บอกกับเราว่า เมื่อเราเจอสิ่งที่น่ารักเกินไป สมองก็จะเริ่มก้าวร้าว หรือเรียกว่า ความก้าวร้าวที่น่ารัก “Cute Aggression” ซึ่งไม่ได้ส่งผลให้แค่อยากกัดหรืองับเบาๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาการอยากเข้าไปหยิก บีบ ฟัด หรือตีเบาๆ อีกด้วย
.
ดร. โอเรียนา เอรากอน (Oriana Aragón) นักจิตวิทยาที่ทำการศึกษาเรื่องความก้าวร้าวที่น่ารักจากมหาวิทยาลัยเคลมสัน (Clemson University) กล่าวว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะมนุษย์มีพฤติกรรมที่เรียกว่า การแสดงออกที่ไม่แน่นอน (Dimorphous Expression) คือ การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางที่ตรงข้ามกับความรู้สึกภายในของเราเอง เช่น มนุษย์ร้องไห้เมื่อรู้สึกกลัว แต่บางครั้งเรากลับร้องไห้น้ำตาไหลเมื่อเรารู้สึกมีความสุขมาก
ความก้าวร้าวที่น่ารัก จัดเป็นการแสดงออกทางอารมณ์รูปแบบหนึ่งเช่นกัน สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะกลไกการทำงานของสมองมนุษย์จดจำว่า การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางทำให้เราสื่อสารกันได้ เมื่อเราแสดงสีหน้าอย่างไรออกไป คนรอบข้างจะรับรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรกับเรา การแสดงออกที่ไม่แน่นอนเหล่านี้ ทำให้คนรอบข้างรับรู้ถึงอารมณ์ที่เข้มข้นอย่างมากภายในและมองหาอารมณ์อื่นๆ ที่เราพยายามสื่อสารออกมา
ดร.โอเรียนา ยกตัวอย่างของคนที่ร้องไห้อย่างมีความสุขหลังจากได้รับรางวัลว่า ในขณะที่พวกเขายิ้ม เราจะรับรู้ได้ว่าพวกเขามีความสุข แต่เมื่อพวกเขาเริ่มร้องไห้ เราจะรับรู้ว่าพวกเขามีความสุขมากและต้องการเวลาสักครู่เพื่อจัดระเบียบอารมณ์ใหม่ และถ้าพวกเขามีสีหน้าแววตามั่นใจ มุ่งมั่นมากขึ้นหลังจากนั้น เราจะรู้สึกว่าคนๆ นั้นมีความสุขและร่าเริงมาก พร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า
จะเห็นได้ว่าในช่วงเวลาที่อารมณ์ซับซ้อนเช่นนั้น รอยยิ้มธรรมดาอาจไม่สามารถถ่ายทอดข้อมูลทางอารมณ์ทั้งหมดได้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ที่ต้องเข้าใจว่าคนรอบข้างจะทำอะไรต่อไป
.
ดร. โอเรียนา เชื่อว่า เด็กทารกและสัตว์ก็เหมือนกันทุกประการ หากเราออกไปเดินเล่นและเจอลูกสุนัข เมื่อเราหยุดและยิ้มให้สุนัขที่น่ารัก รอยยิ้มธรรมดาๆ จากคนแปลกหน้า จะไม่สามารถบอกมันได้ทั้งหมดว่าเรารู้สึกอย่างไร แต่ถ้าแสดงอาการอยากเข้าไปเล่น ฟัด หรือจกพุงของเหล่าบรรดาน้องหมาหรือน้องแมว มันจะตีความได้ว่าเราพยายามจะเป็นมิตรกับมัน เช่นเดียวกับที่ ซูซาน เพอร์รี่ (Susan Perry) *นักบรรพชีวินวิทยา จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (California University) ได้นำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับลิงคาปูชินที่กัดกันอย่างระมัดระวังไม่ให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ซึ่งเธออธิบายว่า ลิงพวกนี้อาจกำลังทดสอบสายสัมพันธ์ทางสังคม โดยส่งข้อความว่า “ฉันน่าไว้ใจมาก คุณเอานิ้วจิ้มปากฉันได้เลย ฉันไม่ทำร้ายคุณ” การกัดกันเองในที่นี้จึงเป็นอีกตัวอย่างของการแสดงความเป็นมิตร
.
นอกจากนี้ การกัดยังกระตุ้นให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข หรือสารโดปามีน (Dopamine) ออกมา ซึ่งสมองจะหลั่งเมื่อเราทำสิ่งที่มีความสุข เช่น ตกหลุมรัก หรือได้รับอาหารตามที่ต้องการ สารเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เราเสพติดมันได้ เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงอยากอยู่ใกล้คนที่เรามีความสุขบ่อยๆ หรือกินอาหารเมนูเดิมได้ซ้ำๆ เพราะโดปามีนจะถูกผลิตออกมาซ้ำๆ ตอบสนองเรา ดังนั้นเมื่อเราเจอสัตว์น่ารักๆ หรืออยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรามีความสุข สมองก็จะกระตุ้นโดปามีนออกมาทำให้เรารู้สึกมีความสุขและมองหาอาหารไปพร้อมๆ กัน อาการมันเขี้ยวอยากจะกัดจึงเกิดขึ้น
.
เมื่อความก้าวร้าวที่น่ารักเกิดขึ้น ไม่ได้หมายความว่าเราต้องการทำร้ายอะไรจริงๆ แต่การก้าวร้าวอย่างน่ารักนี้ช่วยฝึกทักษะการรับรู้อารมณ์ของมนุษย์ และทำให้เราตระหนักถึงความก้าวร้าวรุนแรงที่แท้จริง
เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปที่รู้สึกว่าเราถูกครอบงำโดยความน่ารัก ก็ไม่ต้องกังวลไป! เพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ แต่อย่าลืมเบาไม้เบามือกันหน่อยนะ เพราะไม่ใช่ว่าสิ่งมีชีวิตหรือมนุษย์ทุกคนจะโอเคกับการแสดงออกเช่นนี้ :)
.
**นักบรรพชีวินวิทยา คือ นักวิทยาศาสตร์ผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิตและพืชในอดีต
อ้างอิง
https://www.bbc.co.uk/bitesize/articles/zqcw96f
https://nationalpost.com/wellness/cute-aggression-want-bite-cute-things/wcm/8646a83e-2e31-4b84-98aa-
https://www.mprnews.org/story/2016/12/13/the-science-of-cute