อยากเก่งขึ้นต้องทำไงอะ? อัปเวลตัวเองแบบรัวๆ ด้วย 6 คำถาม

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2567 เวลา 08:27 • ใช้เวลาอ่าน 2 นาที
อยากเก่งขึ้นต้องทำไงอะ__ปกเว็ป.jpg

 

ไม่หลับก็มึน ไม่มึนก็ท้อ บางทีแค่ความพยายามอาจไม่พอนะ

ใครหลายคนบอกว่าถ้าอยากเก่งให้ตั้งใจเรียน ให้ติวเยอะๆ ให้ฝึกทำข้อสอบบ่อยๆ แต่พูดก็พูดเถอะว่าบางวิชามันก็ไม่เข้าหัวจริงๆ 

แล้วความตั้งใจว่าอยากเก่งขึ้นนี่ จริงๆ แล้วเขาทำกันยังไงนะ วันนี้พี่ๆ a-chieve มี 6 คำถาม สำหรับใช้เป็นแนวทางมาบอกจ้า

.

1. “เราอยากเก่งขึ้น ไปทำไมนะ?” 
ขอเปิดด้วยข้อนี้ก่อนเลย เพราะคำตอบที่ได้จะเป็นเหมือนกองหนุนให้เรามีแรงพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นในเรื่องนั้นๆ ซึ่งสามารถมีได้หลายเหตุผลเลย เช่น
  - อยากรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น 
  - อยากใช้เรื่องที่เราทำได้ดีไปต่อยอดด้านการเรียนต่อหรือการประกอบอาชีพในอนาคต
  - อยากใส่ในพอร์ตโฟลิโอเพื่อแสดงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรา

   - อยากรู้เฉยๆ พอดีครูถามมา เลยอยากตอบได้บ้าง

   - อยากเอาความเก่งไปขิงเพื่อน (เหตุผลข้อนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นการแกล้งกันอย่างเป็นมิตรและเพื่อนก็รู้สึกโอเคด้วย ก็ไม่เป็นไรจ้า)

.

2. “แบบไหนนะที่ว่าเก่ง?” 

เลือกเป้าหมายความเก่งที่เราต้องการและเลือกตัวชี้วัดความสำเร็จ เจ้า “ความเก่ง” นี้ควรเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ จับต้องได้ และมีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน 

ตัวอย่าง 

   - “ถ้าชีวิตช่วง ม.ปลาย 3 ปีนี้ ฉันทำสอบวิทยาศาสตร์ได้เฉลี่ย 70 คะแนน (เต็ม100) ขึ้นไปทุกเทอม จะหมายถึงฉันมีความถนัดด้านวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าได้น้อยกว่า 70 คะแนนก็อาจจะหมายความว่าฉันไม่ถนัดวิชานี้เท่าไหร่” 

   - “ภายในปีนี้ ฉันจะอัปเวลตัวเองให้มั่นใจ และสามารถลงแข่ง YC ให้ได้ เพื่อพิสูจน์ว่าฉันมีความสามารถด้านการรับฟังและการให้คำปรึกษาเพื่อน”

   - “ถ้าฉันสามารถศึกษา และเลือกสินค้าที่มีคุณภาพมาลองขายออนไลน์ได้ โดยไม่ขาดทุน ภายใน 3 เดือนนี้ แปลว่าฉันก็น่าจะมีความสามารถด้านการวิเคราะห์ตลาด การประชาสัมพันธ์ การขายและการจัดการสินค้า ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเก็บเข้าพอร์ตฯ เพื่อยื่นเรียนต่อได้ด้วย”

.

3. “ตัวเราในตอนนี้ทำได้แค่ไหน?”

ลองประเมินตัวเองดูว่าจากภาพที่เราตั้งไว้ในข้อ 2 กับตัวเราในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ขอให้ดูทั้งด้านความสนใจที่มี กับทักษะที่มี โดยอาจเลือกการประเมินด้วยคะแนน เช่น “เต็ม 10 หมายถึง อินมากกกกก มีทักษะสุดๆๆๆๆ” ในขณะที่ “0 คือ บ่ดั้ยเลอ ไม่ไหว ไม่เข้าหัวเลยซักนิด”

ตัวอย่าง “ถ้าพูดถึงวิชาวิทยาศาสตร์ของแผนวิทย์ ม.ปลาย สำหรับฉันในตอนนี้

   - ระดับความสนใจหรือความอิน เต็ม 10 ให้ 8

   - ทักษะความสามารถ เต็ม 10 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 แล้วกัน เพราะยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าทำได้ดีจริงมั้ย”

.

การรีวิวคะแนนแบบนี้ ควรมีหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้ เช่น ดูคะแนนสอบในรายวิชานี้ย้อนหลังต่อเนื่องซัก 1 - 3 เทอมหรือประเมินจากคะแนนเก็บปัจจุบันก็ได้

.

หากไม่มั่นใจก็ไม่เป็นไรนะ ลองขอให้เพื่อนหรือคุณครูที่เราไว้ใจช่วยรีวิวเราด้วยชุดคำถามเดียวกันนี้ก็ได้ (“ถ้าให้คะแนนเต็ม 10 คิดว่าเราดูชอบวิชาวิทยาศาสตร์แค่ไหน คิดว่าเรามีทักษะวิชานี้แค่ไหน”) แล้วเอาผลคะแนนที่เราให้ตัวเอง กับคะแนนที่คนใกล้ตัวให้เรา มารวมกันเพื่อหาค่าเฉลี่ย ก็จะได้จุดตั้งต้นของการตามหาจุดเด่นของตัวเรา

.

4. “จากตอนนี้สู่เป้าหมายที่ตั้ง จะยังไงต่อดี?”

วางแผนพัฒนาตัวเองโดยมีตัวชี้วัดในข้อ 2 และ 3 เป็นหลักยึด ข้อนี้เป็นขั้นตอนที่ใครหลายคนอาจไม่ทันนึกถึง เลยทำให้การวางแผนเป็นไปไม่ได้จริง หรือยังไม่ทันลงมือก็ท้อและถอดใจเสียก่อน เพราะตั้งเป้าไว้สูงเกินจริง เทียบกับเวลาที่มีและศักยภาพความพร้อมของเรา

ข้อแนะนำสำหรับคนที่ยังลังเล คือ ให้ลองตั้งเป้าหมายให้เล็กลง ที่เรามั่นใจว่าจะทำได้ และลงมือทำอย่างเต็มที่ ครั้งต่อไปค่อยเริ่มขยับเป้าหมายให้ท้าทายมากขึ้นทีละนิด จะช่วยให้เรามีกำลังใจในการลุยต่อด้วยนะ

นอกจากนี้ ควรเปิดรับวิธีการใหม่ๆ ที่น่าลองนำมาปรับใช้กับตัวเอง อาจสอบถามจากเพื่อน รุ่นพี่ หรือคุณครูก็ได้ ว่ามีวิธีการไหนบ้างที่จะทำให้เราเก่งขึ้นในเรื่องนั้นๆ เช่น “การเรียนรู้ด้วยตัวเอง” ที่อาจทำได้ทั้งการทำข้อสอบก่อนนอน การจับกลุ่มติวกับเพื่อนทุกสัปดาห์ การลงเรียนคอร์สออนไลน์ ฯลฯ

.

5. “ลุยเรียนแบบมีสติอยู่รึป่าว?”

การมุ่งมั่นลงมือทำเป็นสิ่งดี (และควรอย่างยิ่ง หากอยากทำให้ตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลง) แต่อย่าลืมคอยทบทวน รีวิวระหว่างทางสม่ำเสมอด้วย เพื่อให้เราเห็นภาพรวมว่า เราได้ทำตามแผนที่วางไว้ (ในข้อ 4) แค่ไหนแล้ว มีอะไรที่เราจำเป็นต้องทำเพิ่ม ลด หรืออาจต้องปรับแผนบ้าง เพื่อให้การอัปเวลของเราเป็นไปอย่างราบรื่น การตะบี้ตะบันเรียนและติวสอบ อาจให้ผลไม่ดีเท่าไร หากเราทำมากไปจนร่างกายและสมองรับไม่ไหว ไม่แน่ว่าอาจส่งผลเสียให้เราปวดหัวไมเกรน หรือสมองล้าจำอะไรไม่ได้เลยก็ได้นะ

.

6. “เมื่อหมดเวลาที่ตั้งใจไว้แล้ว เกิดผลเป็นไงและเราได้เรียนรู้อะไรบ้าง”

เมื่อมาถึงจุดสิ้นสุดของเวลา (ที่เราตั้งไว้ในข้อ 1) ให้ลองมารีวิวภาพรวมอีกทีเพื่อดูว่า 

   - เกิดผลเป็นยังไงบ้าง ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ เช่น เราได้ผลสอบคะแนนเท่าไร, เรารู้อะไรเพิ่ม หรือมีทักษะอะไรที่ทำได้คล่องแคล่วมากขึ้น 

   - เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง ทั้งความรู้ใหม่ๆ ที่เจอ และประสบการณ์ที่เราได้จากการลงมือวางแผนและทำตามแผนในครั้งนี้ เพื่อเก็บเป็นแนวทางสำหรับพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นต่อไป

.

.

พูดตามตรงว่า สำหรับสิ่งที่เราอยากเก่ง ปุบปับจะเก่งเลยมันก็เป็นเรื่องยากจริงๆ แหละ แต่ก็อยากเชียร์ให้เชื่อมั่นในตัวเองว่าเราทำได้ เพียงแต่ต้องอาศัยเวลาและความมุ่งมั่นที่ถูกทิศทางด้วย เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยนะ

แต่ถ้ายังเคว้ง ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี ลองมาปรึกษาพี่ๆ a-chieve หรือจะมานั่ง #StudyWithMe ด้วยกันก็ได้ที่ดิสคอร์ดของพวกเรา ที่ https://discord.gg/mcyxarNZhK จ้า 🙂

 


avatar-ฝ่ายจัดการความรู้และดูแลงานเขียน
เมธ์วดี ฝ่ายจัดการความรู้และดูแลงานเขียน

ฟัง พูด อ่าน เขียน อยู่ทุกวัน ทุกเวลายกเว้นตอนนอน

avatar-นักออกแบบภาพ
พิมพ์พร นักออกแบบภาพ

ความฝันของช่วงวัยใกล้แตะ 30 คืออยากมีหมาคอกี้เป็นของตัวเอง

Tag :

บทความแนะนำ

ไม่มีข้อมูล

กิจกรรมแนะนำ

ไม่มีข้อมูล