“รู้สึกไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าตัวเองมีอะไรดี ไม่เห็นจะเก่งอะไรซักอย่างเลย”
หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่นักเรียนไทยหลายคนเจอ คือ รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง มีภาวะ Low Self-Esteem ที่นอกจากจะบั่นทอนความรู้สึกตัวเองแล้ว ยังมีแนวโน้มจะเห็นคุณค่าในตัวเองลดลงด้วย
.
มันไม่แปลกเลยที่เราจะสงสัยในตัวเอง
จริงๆ แล้ว การมองว่าตัวเองเป็นคนกลางๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น หรือเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่เก่งเหมือนคนอื่นซักที อาจเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำโดยเฉพาะสำหรับสังคมไทย เพราะ
1. ไม่มีพื้นที่ปลอดภัยที่มากพอ
วัฒนธรรมบ้านเราไม่ได้มีพื้นที่ให้เราได้ลองรีวิวทบทวนตัวเองและแสดงออกด้วยความภาคภูมิใจสักเท่าไหร่ ยิ่งยุคที่โลกโซเชียลพร้อมที่จะตัดสินเราอย่างรวดเร็ว คำพูดชวนปวดใจมากมายพร้อมหลั่งไหลแบบทัวร์ลง เช่น หิวแสงเหรอ ขี้อวดจัง ทำเป็นเก่ง ฯลฯ
.
2. ไม่รู้วิธีรีวิวหรือทบทวนสิ่งที่ทำได้ดี
คำว่า ‘เก่ง’ นอกจากคะแนนสอบหรือผลการแข่งขันแล้ว ก็ไม่ค่อยมีเครื่องมือหรือมาตรวัดอะไรมาอ้างอิงได้ ว่าเราทำสิ่งนั้นๆ ได้ดีเหมือนกันนะ แถมใครหลายคนก็กลัวจะให้คะแนนตัวเองเวอร์ไป เลยตอบแบบเซฟๆ กลางๆ ไว้ก่อน แล้วเอาแรงไปทุ่มให้กับการ “กำจัดจุดอ่อน” มองหาแต่เรื่องที่เรายังไม่เก่ง ยังไม่รู้เรื่อง ยังทำไม่ได้
การตอบแบบกลางๆ บ่อยๆ และมุ่งแต่โฟกัสเรื่องแย่ๆ ของตัวเอง อาจเป็นพฤติกรรมที่ทำจนติดเป็นนิสัย เป็นความเคยชินที่สมองก็บันทึกไว้ตามนั้น และเป็นความเชื่อว่าเราเป็นเช่นนั้นจริงๆ สุดท้ายเซฟทุกอย่างยกเว้นตัวเองจ้ะ! เพราะเราเองนี่แหละที่เป็นคนจดจำข้อมูลที่คาดเคลื่อนนี้ และฝังในความทรงจำว่า เรามันไม่มีอะไรที่ทำได้ดีเลย
.
3. ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัวยังไงดี
เพราะเพื่อนหรือคนใกล้ตัวถ้าเป็นกลุ่มที่สนิท ก็กลัวเค้าจะอวยเราเกินไป ส่วนถ้าคนที่ไม่สนิทด้วยเผลอๆ จะโดนแกล้งแซวหนักจนเขิน ไม่กล้าถามเข้าไปอีก
.
***อาจมีสาเหตุมากกว่า 3 ข้อที่ว่ามานี้นะ ใครคิดว่ามีประเด็นที่น่าสนใจสามารถแลกเปลี่ยนกันได้เลยจ้า
.
.
วันนี้ a-chieve เลยจะขอมาแชร์ How to ให้เป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากตั้งหลักค้นหาตัวเองซักตั้ง เพื่อมองหาเรื่องที่เราทำได้ดี โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเอาไปอวดใคร หรือกลัวว่าคนอื่นจะมองว่ายังไง ขอแค่พวกเราแต่ละคนมีเรื่องเล็กๆ ให้ได้ยืดอกชื่นชมตัวเองได้แบบมั่นใจ ไม่หลอกตัวเอง ก็เยี่ยมมากๆ แล้ว 🙂
พร้อมแล้วไปดูกันเล้ยยยย

1. เช็กตัวเองแบบมีหลักฐาน
การจะบอกว่าเราทำสิ่งนั้นสิ่งนี้สิ่งโน้นได้ดีไหม อาจวัดได้จากหลายแง่มุม เช่น มีเรื่องอะไรบ้างนะที่เรา …
- ทำเสร็จได้ภายในเวลาอันสั้น
- ทำเสร็จได้ด้วยตัวเอง หรือไม่ต้องใช้ทรัพยากรเยอะ ไม่ต้องขอความช่วยเหลือใคร
- ทำได้แบบได้ผลงานที่ดี ตรงตามโจทย์ หรือได้คุณภาพตามเป้าที่ตั้งไว้
- เคยได้รับรางวัลจากการแข่งขันหรือการประกวดเรื่องนั้นๆ
- เคยได้รับคำชมจากผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ
.
2. ให้เพื่อนช่วยรีวิวแบบมีข้อมูลอ้างอิง
เราอาจถามด้วยคำถามง่ายๆ ว่า “เธอคิดว่าฉันเก่งเรื่องอะไร หรือทำอะไรได้ดีบ้างเหรอ” แต่บางครั้งก็ทำใจเชื่อได้ยากเหมือนกัน สิ่งที่จะช่วยให้เราได้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น มีดังนี้
- คุยอย่างตรงไปตรงมาว่าเราอยากรู้จริงๆ เพื่อเอาข้อมูลนี้ไปทำอะไรต่อ
- ขอตัวอย่างเหตุการณ์หรือคำอธิบายเหตุผล ที่ทำให้เพื่อนคิดว่าเราทำได้ดีหรือเก่งในด้านนั้นๆ
- นอกจากที่เพื่อนตอบมา ลองถามเพิ่มอีกนิดว่า เคยได้ยินใครชื่นชมเราบ้างไหม เรื่องที่เขาชมมีเรื่องอะไรบ้าง
.
3. อาศัยแบบทดสอบที่มีความน่าเชื่อถือ
ข้อนี้อาจทำได้ง่ายหน่อยสำหรับการหาจุดเด่นด้านวิชาการ ที่มีการสอบวัดผลให้เราทำทั้งแบบโดยโรงเรียน ทปอ. หรือจะซื้อแบบฝึกหัดมาลองทำก็ได้
แต่ถ้าเป็นความถนัด เรื่องที่ทำได้ดี หรือจุดแข็งด้านอื่นๆ เราอาจทำได้โดย…
- ขอคำปรึกษาจากชุมชน สมาคม หรือหน่วยงานที่ทำงานด้านนั้นๆ หรือทดลองใช้บริการแบบทดสอบของที่หน่วยงานนั้นๆ จัดทำ
- ศึกษาข้อมูลในประกาศรับสมัคร (ทั้งการเรียนต่อและสมัครงาน) ว่าเขามีกำหนดเกณฑ์อย่างไร เพื่อเทียบพัฒนาการความถนัดในด้านนั้นๆ ของเราว่า เมื่อทดลองทำแบบทดสอบแล้ว ถึงเกณฑ์คนที่หน่วยงานนั้นๆ มองหาหรือยัง
.
4. ทำกิจกรรมที่มีความหลากหลาย
การมีความมุ่งมั่นอยากรู้ว่าตัวเรามีดีอะไร เป็นเหมือนธงเล็กๆ ที่ปักไว้ให้เรามีแนวทางในการค้นหาตัวเอง แต่ก็อย่าเผลอหมกมุ่นหรืออินเกินจนลืมว่า ในชีวิตของเรายังมีเรื่องราว มีผู้คน มีบทเรียนชีวิตและประสบการณ์ใหม่ๆ อีกมากให้เราพาตัวเองไปเรียนรู้และเปิดหูเปิดตานะ ไม่แน่ว่า ถ้าเราพักจากฟิลเตอร์ “โอ๊ะ ฉันเก่งเรื่องนี้หรือเปล่านะ” บ้าง เราอาจได้ค้นพบตัวตนความเป็นเราที่ชัดเจนขึ้น ทั้งในด้านที่เราพอจะรู้อยู่แล้วและด้านที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ก็เป็นได้
.
.
สิ่งสำคัญที่ไม่อยากให้ลืม คือ
🌱 สนุกกับการค้นหาตัวเอง ทุกการค้นพบมีเสน่ห์เสมอ
🌱 ซื่อสัตย์กับตัวเอง เรื่องไหนไม่ชัวร์ ไม่มีข้อมูล อย่าเพิ่งมโนจ้อจี้
🌱 พัฒนาตัวเองต่อเนื่อง เพราะชีวิตคือการเรียนรู้
🌱 ไม่ไหวอย่าฝืน ถ้าวันไหนมันหนักมาก ก็อนุญาตให้ตัวเองได้พักหรือปรับลดบาร์ความคาดหวังลงบ้างนะ
🌱 มองหาตัวช่วยที่วางใจและเชื่อถือได้ แต่ถ้านึกไม่ออกจะไปหาใคร ลองเริ่มจากครูแนะแนวในโรงเรียนของเรา หรือพาตัวเองมาเจอพี่ๆ a-chieve ตามช่องทางโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ได้เลย
.
.
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว จุดเด่นหรือเรื่องที่แต่ละคนทำได้ดีมีอะไรบ้าง อย่าลืมมาแบ่งปันกันนะ 🙂