เรียนวิทย์แล้วไปต่อยังไงได้บ้าง?
เปิด #จักรวาลอาชีพสายวิทยาศาสตร์ ณ บัด นี้นี้นี้นี้นี้นี้
มาดูกันว่าคนเรียนสายวิทย์สามารถประกอบอาชีพใดได้บ้างนะ!?
แอดมินรวบรวมเนื้อหาให้ครอบคลุมอาชีพที่ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยแต่ละอาชีพจะมีเงื่อนไขการทำงานและวุฒิการศึกษาที่แตกต่างกัน
ยังมีอาชีพในสายงานวิทยาศาสตร์อีกมากนอกเหนือจากนี้ ทั้งที่เป็นอาชีพที่อาจคุ้นหู และอาชีพใหม่ที่เกิดจากการควบรวมทักษะจากศาสตร์ต่างๆ
หากใครสนใจอยากศึกษาเพิ่มเติม ขอแนะนำให้ลองสืบค้นข้อมูลหลักสูตรการเรียนการสอนคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่สนใจ ซึ่งแต่ละภาควิชาจะมีระบุหัวข้อการเรียนและความเฉพาะทางของสาขานั้นๆ ที่สามารถต่อยอดเพื่อประกอบอาชีพได้
การเรียนสายวิทย์ เป็นมากกว่าการท่องจำศัพท์และสูตร
เพราะวิทยาศาสตร์ คือองค์ความรู้ที่มีการจัดอย่างเป็นระบบ นอกจากจะสอนให้เราได้รู้จักและเข้าใจธรรมชาติตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคตอันไร้ขอบเขต (ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ การสังเกต ตั้งสมมติฐาน ศึกษารวบรวมข้อมูล ลงมือทดลอง และสรุปผล) วิทยาศาสตร์ยังสอนให้เรามีวิธีคิดและกระบวนการทำงานที่เป็นเหตุเป็นผล เชื่อมโยง รวมถึงพาเราขยายพื้นที่การค้นพบและเรียนรู้ที่ทั้งกว้างและลึกซึ้งขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่เรียนจบตรงสายและเลือกทำงานในบทบาทนักวิทยาศาสตร์ อาจมีเส้นทางการทำงานในหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ ได้แก่
- เจ้าหน้าที่ในแล็บ (Laboratory, Lab) ด้านประกันคุณภาพและการควบคุมคุณภาพในการทดสอบ (Quality Assurance, QA) และ ด้านการควบคุมคุณภาพภายในห้องปฏฺิบัติการ (Quality Control, QC)
มดงานในตลาดงานใหญ่ของคนสายวิทย์ มีงานหลักคือตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับและทำรายงานสรุป
***เจ้าหน้าที่ฝ่ายนี้ทำหน้าที่สรุปผลจากข้อมูลเท่านั้น ไม่มีการให้ความเห็นเพิ่มเติม
- นักวิเคราะห์/ นักวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนจนสามารถใช้เครื่องมือเฉพาะในการทำงานทางวิทยาศาสตร์
- นักวิจัยผู้ช่วย หรือเจ้าหน้าที่ RA (Research Assistant) ทำหน้าที่รับหัวข้อวิจัยและสโคปงานจาก R&D มีส่วนช่วยออกแบบการทดลอง เลือกเครื่องมือที่จะใช้ในการทำงาน สรุปผล และให้ความเห็นเพิ่มเติม
- Researcher นักวิจัย ต้องมีวุฒิการศึกษาปริญญาเอก หรือเป็นซีเนียร์ RA 5 ปีขึ้นไป
- นักวิจัยและพัฒนา (R&D Scientist) ทำหน้าที่วิจัย ทดสอบคุณภาพและคุณสมบัติ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามโจทย์ที่ได้รับ
- ผู้บริหาร (Chief Executive Officer, CEO) มีความสามารถและความรับผิดชอบในการวิเคราะห์ตัดสินใจเมื่อเจอข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน (บางหน่วยงานจะรับนักวิทยาศาสตร์ระดับสูงที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านวิทยาศาสตร์เข้าทำงานตำแหน่งนี้ เนื่องจากมีมุมมอง องค์ความรู้ และประสบการณ์ที่ตอบสนองหน่วยงานได้ดีกว่าผู้บริหารที่จบจากสายอื่นๆ)
ระดับมัธยมศึกษา
คนที่สนใจอยากเข้าเรียนในสายคณะวิทยาศาสตร์ จะต้องเรียนจบสายวิทย์-คณิต โดยจะต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการศึกษาด้วยว่าต้องมีเกรดเฉลี่ยสอบเข้าและเกรดสะสมจากมัธยมเท่าไร) โดยองค์ความรู้ที่ได้จากระดับมัธยมศึกษาจะครอบคลุมศาสตร์ทางฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แคลคูลัส (อาจรวมถึงความรู้พื้นฐานหลักสุตรด้านโค้ดดิ้งของบางมหาวิทยาลัยด้วย)
ระดับอุดมศึกษา
รูปแบบการเรียนรู้ในคณะวิทยาศาสตร์ในระดับปริญญาตรี โดยปกติจะเป็นแบบเลคเชอร์และเข้าห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ (Lab)
ปี1: เรียนรู้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ชุดศัพท์ ทบทวนข้อมูลพื้นฐานม.ปลาย
ปี2: เรียนหมวดวิชาเฉพาะทางมากขึ้นตามภาคที่สังกัด (มหาวิทยาลัยบางแห่งมีเกณฑ์การนำเกรดผลการเรียน ปี1 มาใช้เลือกภาควิชา)
ปี3: เรียนองค์ความรู้เจาะึกในวิชาเอก ทั้งแบบ Hard skills และ Soft skill โดยมีช่วงข้อต่อคือ เกือบทุกหลักสูตรจะระบุให้ฝึกงานและมีการติดตามนิเทศก์ เพื่อสร้างประสบการณ์และมุมมองในการทำงานในฐานะนักวิทยาศาสตร์
ปี4: ทำโปรเจกต์จบด้วยกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากความรู้ ทักษะ และประสบการณ์จริง ทั้งการตั้งสมมติฐาน พิสูจน์ด้วยการทดลอง สรุป และนำเสนอผลงาน
ส่วนระดับปริญญาโท(อย่างเร็ว 2 ปี อย่างช้า 4 ปี) และปริญญาเอก (อย่างเร็ว 3 ปี อย่างช้า 8 ปี) จะมีระยะเวลาการเรียนขึ้นอยู่กับแต่ละหลักสูตร
ตามจริงแล้วคนที่เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์สามารถต่อยอดการเรียนและการทำงานได้หลากหลายมาก แต่จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน!
นักโภชนาการ (Nutritionist)
มีบทบาทในการคิดค้นและพัฒนาสูตรอาหารตามหลักโภชนาการ ทั้งการวางแผน ให้คำปรึกษา และเตรียมอาหารตามหลักโภชนาการสำหรับบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ผู้คนตื่นตัวเรื่องการดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารมากขึ้น
นักโภชนาการที่สอบขึ้นทะเบียนเป็นนักกำหนดอาหาร จะดูแลและจัดบริการอาหารสำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาล ทำหน้าที่ให้คำแนะนำด้านโภชนาการและให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลกระทบอาหารและสารอาหารต่อสุขภาพ
ข้อแตกต่างของนักโภชนาการกับนักกำหนดอาหารคือ
- นักกำหนดอาหารเป็นวิชาชีพเฉพาะ ส่วนนักโภชนาการเป็นอาชีพที่ใครเรียนจบด้านอาหารและเรียนโภชนาการมาบ้าง ก็สามารถเป็นนักโภชนาการได้
- หากไม่ได้จบด้านโภชนาการและการกำหนดอาหารโดยตรง จะต้องไปเป็นนักโภชนาการ 1 - 6 ปี (ระยะเวลาขึ้นกับวุฒิการศึกษา) จึงจะสามารถสอบขึ้นทะเบียนวิชาชีพนักกำหนดอาหาร (CDT) ได้
- หากกฎหมายวิชาชีพนักกำหนดอาหารเสร็จสมบูรณ์ นักโภชนาการที่ไม่ได้สอบขึ้นทะเบียนวิชาชีพนักกำหนดอาหาร จะไม่สามารถขึ้นวอร์ด (Ward, ห้องพักผู้ป่วยที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาล) เพื่อตรวจเยี่ยมคนไข้ได้และไม่สามารถเขียนใบสั่งอาหารเพื่อกำหนดอาหารให้ผู้ป่วยรับประทานในแต่ละมื้อได้
นักกำหนดอาหาร (Dietitian)
คำนวณความต้องการพลังงานสารอาหารและกำหนดปริมาณที่เหมาะสม เพื่อช่วยส่งเสริมแผนการรักษาของแพทย์ (เรียกว่า “การให้โภชนบำบัด”) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการเพื่อสร้างความเข้าใจในการรับประทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ที่ต้องการเพิ่มน้ำหนัก-ลดน้ำหนัก รวมถึงบุคคลทั่วไปที่ต้องการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคมะเร็ง ฯลฯ) ซึ่งพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เหมาะสมมีส่วนสำคัญในการช่วยป้องกันการเกิดโรคเหล่านี้
คนที่จะเป็นนักกำหนดอาหารจะต้องผ่านการศึกษาอบรมวิชาชีพจนมีความรู้ความเข้าใจรอบด้าน ทั้งโภชนาการและโภชนบำบัด ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสภาวะของโรคต่างๆ ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับการเกิดโรค และความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับยาบางชนิด ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นผู้ที่จบการศึกษาทางด้านโภชนาการและการกำหนดอาหารหรือสาขาที่เกี่ยวข้องทางด้านโภชนบำบัด ผ่านการฝึกงานหรือมีประสบการณ์การทำงานในโรงพยาบาลตามข้อกำหนดของ “สมาคมนักกำหนดอาหาร” และผ่านการสอบรับรองวิชาชีพเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นนักกำหนดอาหารวิชาชีพที่เรียกว่า ‘Certified Dietitian of Thailand-CDT’
นักโภชนาการกีฬา (Sports Nutritionist)
ผู้ดูแลโภชนาการอาหารสำหรับนักกีฬา ให้ได้สัดส่วนทั้งคุณภาพและปริมาณเหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาของการฝึกซ้อมและแข่งขัน คอยควบคุมดูแลการกินอาหารของนักกีฬา เพื่อชดเชยพลังงานในระหว่างการฝึกซ้อม ระหว่างแข่งขัน และภายหลังการฝึกซ้อมและแข่งขัน (ซึ่งจะช่วยเสริมโครงร่างและความสามารถของร่างกายนักกีฬาให้คงสภาพ ฟื้นตัวไว และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น)
นักออกแบบอาหาร (Food Stylist)
ออกแบบอาหารให้ดูน่ารับประทานและจดจำได้เพื่อเพิ่มประสบการณ์การทานอาหารให้น่าสนใจและน่าดึงดูด นักออกแบบอาหารไม่จำเป็นต้องทำอาหารเก่ง แต่ต้องเข้าใจลักษณะของอาหาร รวมถึงมีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ตกแต่งบนจาน เพราะบางครั้งผลงานที่ออกมาอาจใช้ของทดแทน (Fake Product) มาประกอบเพื่อให้ได้ภาพออกมาสวยงาม
นักเทคนิคการแพทย์ (Medical technologist)
มีหน้าที่เก็บตัวอย่างและตรวจสิ่งส่งตรวจต่างๆ ของคนไข้ (เช่น เลือด เสมหะ ปัสสาวะ สารคัดหลั่งต่างๆ ฯลฯ) ดูแลการเจาะเลือด การรับบริจาคโลหิตของคนไข้หรือผู้รับบริการ แล้วนำไปทดสอบ วิเคราะห์ วิจัย และทำการรายงานผลการตรวจ เพื่อวินิจฉัย ติดตามการรักษา พยากรณ์โรค และป้องกันโรค หรือเพื่อประเมินภาวะสุขภาพของผู้เข้ามารับบริการ ซึ่งจะรายงานผลให้แก่แพทย์หรือผู้ป่วยได้ทราบต่อไป
โดยทั่วไปนักเทคนิคการแพทย์จะทำงานในห้องปฏิบัติการหรือห้องแลปทางการแพทย์ของโรงพยาบาล คลินิก (ของรัฐหรือเอกชน) โดยต้องควบคุมคุณภาพต่างๆ ภายในห้องปฏิบัติการ ทั้งคุณภาพของการรับสิ่งส่งตรวจ ขั้นตอนระหว่างการทดสอบ และตรวจสอบความถูกต้องของผลทดสอบ สถานที่ปฏิบัติการอื่นที่เราอาจพบได้ เช่น จุดรับบริจาคโลหิต หรือเป็นผู้ตรวจเชื้อโควิด-19
ข้อแตกต่างระหว่างนักเทคนิคการแพทย์กับนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ คือ นักเทคนิคการแพทย์จะเรียนเพื่อประกอบการวินิจฉัยและครอบคลุมถึงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อจบมาเป็นนักเทคนิคการแพทย์หรือเป็นนักวิจัยทางการแพทย์ มีใบอนุญาตเฉพาะทางที่สามารถรับรองผลแลปได้ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรียนจบมาเพื่อเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีหน้าที่บางอย่างคล้ายนักเทคนิคการแพทย์ แต่มีเป้าหมายคือการทำงานวิจัย
นักวิทยาศาสตร์การกีฬา (Sports Scientist)
นักวิทยาศาสตร์ผู้รับหน้าที่พัฒนาศักยภาพและความสามารถของนักกีฬาให้ก้าวไปสู่ความพร้อมและความสมบูรณ์สูงสุด ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจและเทคนิคทักษะกีฬาในช่วงการแข่งขันตลอดจนพัฒนาไปสู่ความสามารถสูงสุดแต่ละบุคคลอย่างเป็นระบบ
นอกเหนือจากการฝึกซ้อมนักกีฬาให้มีศักยภาพในการแข่งขันแล้ว ยังต้องดูแลนักกีฬาในด้านต่างๆ เช่น
- จิตวิทยา
- โภชนาการ
- การรักษาฟื้นฟูด้วยการบริหารกล้ามเนื้อ
- การออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด
- การบริหารกล้ามเนื้อที่เหมาะสมกับนักกีฬา หรือผู้ป่วยที่มีความเจ็บป่วย หรือบกพร่องของระบบกระดูก กล้ามเนื้อหรือที่มีความบกพร่องด้านการเคลื่อนไหว
- ให้คำแนะนำการบริหารกล้ามเนื้อ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
- เพิ่มสมรรถภาพร่างกายแก่ผู้ที่มาใช้บริการธาราบำบัด ลู่เดินในน้ำ และอุปกรณ์การออกกำลังกาย หรืออุปกรณ์ช่วยพยุงตัวได้อย่างเหมาะสม
- ศึกษาสังเกตอาการของนักกีฬาหรือผู้ป่วยเพื่อดำเนินการรักษาฟื้นฟู
- บันทึกอุปสรรค ปัญหาในการปฏิบัติงานและจัดทำรายงาน
- ให้คำแนะนำแก่นักกีฬาหรือผู้ป่วยและญาติ เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของส่วนของร่างกายที่เสื่อมสภาพให้กลับคืนดีทั้งทางรูปลักษณะและทางหน้าที่
นักวิทยาศาสตร์การกีฬาอาจมีปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องตามที่หน่วยงานที่สังกัดกำหนด เช่น ดูแลด้านสรีรวิทยา การเสริมสร้างร่างกาย ที่ต้องTreatment กับนักกีฬาโดยตรง
นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ (Medical Scientist)
ผู้ปฏิบัติงานด้านการตรวจชันสูตรโรค พิสูจน์ยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการ เพาะเลี้ยง แยกเชื้อและสารมาตรฐานอื่น เพื่อนำไปศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการระบาดและการสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะเป็นองค์ความรู้และข้อมูลในการสนับสนุนงานด้านการแพทย์และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพต่อไป เช่น การควบคุมมาตรฐานยา อาหาร หรือเครื่องสำอาง เป็นต้น
ข้อแตกต่างระหว่างนักเทคนิคการแพทย์กับนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ คือ นักเทคนิคการแพทย์จะเรียนเพื่อประกอบการวินิจฉัยและครอบคลุมถึงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อจบมาเป็นนักเทคนิคการแพทย์หรือเป็นนักวิจัยทางการแพทย์ มีใบอนุญาตเฉพาะทางที่สามารถรับรองผลแลปได้ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรียนจบมาเพื่อเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีหน้าที่บางอย่างคล้ายนักเทคนิคการแพทย์ แต่มีเป้าหมายคือการทำงานวิจัย
นักดาราศาสตร์ (Astronomer)
นักดาราศาสตร์ทำหน้าที่ศึกษาปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นจากนอกชั้นบรรยากาศของโลก และพัฒนาองค์ความรู้เพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารผ่านดาวเทียม
อาชีพนักดาราศาสตร์ในประเทศไทยไทยยังมีจำนวนน้อย เนื่องจากปัจจุบัน (พ.ศ.2563) ยังไม่มีการเรียนการสอนด้านดาราศาสตร์โดยตรงในระดับปริญญาตรี โดยส่วนใหญ่จะต้องไปเรียนต่อระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ที่ต่างประเทศต่อ (ปัจจุบันเปิดหลักสูตรปริญญาโทในไทยแล้วที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) จากนั้นจึงจะสามารถประกอบอาชีพและได้ชื่อว่าเป็น "นักดาราศาสตร์"
นักจักรวาลวิทยา (Cosmologist)
นักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาคุณสมบัติของจักรวาล แล้วนำข้อมูลและข้อสังเกตที่ได้ ทั้งจากวัตถุทางดาราศาสตร์ ระยะทาง ขนาด การเคลื่อนไหวและความสว่าง ฯลฯ ไปทดสอบและสร้างทฤษฎี
ผลงานของนักจักรวาลวิทยาสามารถนำไปสู่ความก้าวหน้าในอนาคต โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน ระบบนำทาง และเทคโนโลยีทางการแพทย์
ข้อแตกต่างระหว่างนักดาราศาสตร์กับนักจักรวาลวิทยาคือ
นักจักรวาลวิทยาจะศึกษาทฤษฎีเกี่ยวกับการเกิดและพัฒนาการของจักรวาล ทั้งเอกภพ ในขณะที่นักดาราศาสตร์จะมุ่งสนใจไปที่วัตถุท้องฟ้า (สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในอวกาศ ซึ่งรวมถึงดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ และกาแล็กซี) เป็นหลัก
นักอุตุนิยมวิทยา (Meteorologist)
ผู้ปฏิบัติงานทางวิชาการอุตุนิยมวิทยา ที่ศึกษาวิจัยปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ ภายในโลกถึงระดับชั้นบรรยากาศของโลก เพื่อค้นคว้าหาวิธีการทางปฏิบัติที่ก้าวหน้า ตรวจวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากเรดาร์ตรวจอากาศ ภาพถ่ายดาวเทียมตรวจอากาศ ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ รังสีดวงอาทิตย์และปริมาณโอโซนในบรรยากาศ ตรวจวัดความสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ทางการพยากรณ์อากาศสำหรับนำไปใช้ในการบิน การเดินเรือ การเกษตร การทหาร ฯลฯ รวมถึงการออกคำเตือนภัยจากลมฟ้าอากาศทุกชนิด ออกประกาศเกี่ยวกับแผ่นดินไหวในประเทศ และจัดทำสถิติภูมิอากาศทั่วประเทศ รวมถึงพัฒนาแนวคิดทฤษฎีด้านอุตุนิยมวิทยาและภูมิฟิสิกส์
นักวิจัยด้านอุทกพลศาสตร์ (Fluid Dynamics Scientist)
นักวิทยาศาสตร์ผู้สนใจและมุ่งทำการศึกษาวิจัยปรากฏการณ์อุทกพลศาสตร์ ซึ่งอยู่ในสาขาวิชาฟิสิกส์และเป็นส่วนหนึ่งของกลศาสตร์ที่ศึกษาการเคลื่อนที่ของของเหลว (ของเหลวและก๊าซ) เป็นอีกอาชีพที่เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงด้านวิศวกรรมเคมี น้ำมัน ไฮดรอลิก งานอนุรักษ์และพัฒนา การแพทย์ ฯลฯ เช่น การออกแบบปีกเครื่องบินให้มีลักษณะโค้งที่ด้านบนเล็กน้อยเพื่อให้อากาศผ่านด้านบนปีกมีอัตราสูงกว่าด้านล่าง ทำให้ความดันด้านบนปีกต่ำกว่าใต้ปีก เกิดเป็นแรงยกขึ้นจากใต้ปีก หรือ การวิจัยอิทธิพลและความสัมพันธ์ของปัจจัยทางอุทกพลศาสตร์และสภาพป่าชายเลนต่อการลดทอนคลื่นในป่าชายเลน และพัฒนาสมการการลดทอนคลื่นในป่า เป็นต้น
ในต่างประเทศจะเรียกสาขานี้ว่า Multiphase Flows โดยในไทยจะเป็นอาชีพด้านวิศวกรที่เชื่อมโยงกับงานคิดและวางระบบการก่อสร้าง
นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ (Nuclear Scientist)
นักวิจัยผู้ศึกษาพฤติกรรมของรังสีนิวเคลียร์ในสภาวะแวดล้อมต่างๆ (ทั้งในสิ่งมีชีวิต ร่างกายมนุษย์ และระบบนิเวศ) และนำมาประยุกต์เข้ากับศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ เพื่อพัฒนาให้เกิดองค์ความรู้และประสบการณ์ในการเก็บและวิเคราะห์ปริมาณกัมมันตภาพรังสีในตัวอย่างสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการที่เป็นมาตรฐานสากล ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยทางรังสีในการใช้ร่วมกับเทคโนโลยีใหม่สำหรับการแพทย์และอุตสาหกรรม
นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์จะมีหัวข้องานวิจัยที่ต่างกันตามความสนใจและความเชี่ยวชาญ เช่น การประเมินปริมาณรังสีที่ใช้ในการแพทย์และการรักษา การประเมินความเสี่ยงของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ให้สามารถตั้งโรงงานและดำเนินการได้อย่างปลอดภัย
นักคณิตศาสตร์ (Mathematician)
ผู้หลงใหลในคณิตศาสตร์ ทำหน้าที่ศึกษารวมถึงทำงานวิจัยเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ เพื่อค้นคว้าความรู้ใหม่ๆ สร้างความรู้ใหม่ๆ ทางคณิตศาสตร์สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกวงการ เช่น สูตร นิยาม ทฤษฎี สมการทางคณิตศาสตร์ ฯลฯ
นักกีฏวิทยา (Entomologist)
นักวิทยาศาสตร์ผู้มีหน้าที่ศึกษาค้นคว้าวิจัยในทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับแมลง ทั้งโครงสร้าง รูปร่าง วงจรชีวิต การเจริญเติบโต การดำรงชีวิตของแมลง ความสัมพันธ์ระหว่างแมลงกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับแมลง ไปจนถึงทำระบบฐานข้อมูล การวิเคราะห์ชนิดและวินิจฉัยลำดับอนุกรมวิธานแมลง โดยมีเป้าหมายเพื่อนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ให้กับบุคคลทั่วไปและนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ สำหรับแก้ไข ควบคุม และป้องกันปัญหาทางสิ่งแวดล้อมที่มีสาเหตุมาจากแมลง
นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist)
นักวิทยาศาสตร์ผู้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาล (Big Data) ทั้งข้อมูลที่มีโครงสร้างเรียบร้อยและข้อมูลที่มีโครงสร้างไม่แน่นอนจำนวนมาก เพื่อ ประมวลผลและจัดเรียงข้อมูลผ่านวิธีการของวิทยาการข้อมูล สถิติศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ Machine Learning เพื่อช่วยในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ภายในองค์กร
(ในขณะที่วิศวกรซอฟท์แวร์จะเน้นที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ แอปพลิเคชั่น และความสามารถในการใช้งานของผู้ใช้ โดยให้ความสำคัญกับภาษาในการเขียนโค้ดมากกว่า)
ตามการรายงานสถิติของ The U.S. Bureau of Labor Statistics คาดว่าในปี 2028 งานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลจะเติบโตขึ้น 16% (เร็วกว่าค่าเฉลี่ยมาก) โดยการเติบโตนี้ส่วนใหญ่มาจากองค์กรที่ไม่ได้อยู่ในวงการเทคโนโลยีซึ่งต้องการรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์
นักสถิติ (Statistician)
ผู้สำรวจ วิเคราะห์ ระบุความสัมพันธ์ และตีความข้อมูลทางสถิติ มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเป็นกลไกเพื่อช่วยดำเนินการศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ โดยนำเสนอผลออกมาเป็นตัวเลขหรือบทสรุปสำหรับใช้ในงานวิชาการ วิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ ฯลฯ
นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์การเงินและตลาดหุ้น (Economic Analyst, Financial analyst)
นักวิทยาศาสตร์ผู้ทำแบบจำลองหรือใช้ทฤษฎีสำหรับคาดการณ์แนวโน้มของตลาดเงินตลาดทุน (บริษัทด้านการเงินการและธนาคารบางแห่งในต่างประเทศจะรับสมัครนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ เข้าทำงานในตำแหน่งนี้)
นักวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AI Researcher)
นักวิจัยผู้ทำหน้าที่สืบค้นข้อมูล ศึกษา วิเคราะห์ และทดลองเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถแสดงพฤติกรรมได้เสมือนมนุษย์หรือดีกว่า แต่ปัจจุบันยังต้องอาศัยความสามารถในการคิดและการรับรู้ของมนุษย์) เพื่อค้นหาแนวความคิด วิธีการใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ทางธุรกิจหรือปัญหาความท้าทายในสังคม นอกจากการวิจัยเพื่อพัฒนาความสามารถให้เทคโนโลยี AI แล้ว ยังถือเป็นการทำงานเพื่อมองหาโอกาสการเพิ่มขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีด้วย
นักวิจัยปัญญาประดิษฐ์จะมีความเชี่ยวชาญด้าน Machine Learning (การใช้ข้อมูลเพื่อทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง) คณิตศาสตร์ การเขียนโปรแกรม สถิติ รวมถึงมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาได้
นักโปรตีนวิทยา (Protein Scientist)
นักวิจัยผู้ทำงานในห้องปฏิบัติการ ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แยกหรือทำให้โปรตีนบริสุทธิ์ตามเป้าหมายที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงวิจัยปริมาณโปรตีนแต่ละชุด วิเคราะห์ ตรวจสอบคุณภาพ และค้นหาวิธีใช้โปรตีนในการวิจัยอื่นๆ อย่างการนำไปใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์ ประยุกต์ใช้ในการวินิจฉัยโรค พัฒนาวัคซีนป้องกันโรค ใช้ในการชันสูตรศพที่ไม่รู้สาเหตุการตาย หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ เป็นต้น
นักชีวเคมี (Biochemist)
ผู้ค้นคว้าและทดลอง เพื่อศึกษาธรรมชาติทางเคมีและพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต รวมไปถึงส่วนประกอบทางเคมีของเหล่าสิ่งมีชีวิต เช่น โครงสร้าง โมเลกุล การเปลี่ยนแปลงของสาร การทำงานของเอนไซม์ โคเอนไซม์ต่างๆ เพื่อพัฒนาให้เกิดประโยชน์ทางเทคโนโลยีชีวภาพ การเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร และทางการแพทย์
นักกายวิภาค (Anatomist)
ผู้ศึกษาวิจัยร่างกายสิ่งมีชีวิต ทั้งกายวิภาคฯ ของมนุษย์ และของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ โดยทั่วไปนักกายวิภาคจะทำงานในมหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ โรงเรียนแพทย์ หรือสอนในโรงพยาบาล ซึ่งจะทำงานด้านการเรียนการสอนวิชากายวิภาคศาสตร์ รวมถึงการวิจัยในอวัยวะ ระบบอวัยวะ เนื้อเยื่อ และเซลล์
นักชีววิทยาทางทะเล (Marine Biologist)
นักวิจัยผู้หลงใหลในสิ่งแวดล้อมทางทะเล มีหน้าที่ศึกษาสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศในทะเลและสภาพแวดล้อมที่เป็นน้ำเค็มอื่นๆ เพื่อจัดหมวดหมู่ข้อมูล ทำการบำรุงรักษาสัตว์ทะเล รวมถึงวิเคราะห์ความเค็ม อุณหภูมิ ค่าความเป็นกรด แสง ปริมาณออกซิเจน และสภาพแวดล้อมทางกายภาพอื่นๆ ของน้ำ เพื่อกำหนดความสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตในน้ำ
นักชีววิทยาทางทะเลแต่ละคนจะมีความชำนาญที่แตกต่างกันออกไป เช่น นักชีววิทยาปลา นักวิจัยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล นักจุลชีววิทยา(สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก) เป็นต้น
นักพฤกษศาสตร์ (Botanist)
ผู้ศึกษาวิจัย และสร้างองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ความหลากหลายของพันธุ์พืช
นักพฤกษศาสตร์จะศึกษาค้นคว้าวิจัยโครงสร้างและกระบวนทางชีววิทยาของพืช ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับพืช (เช่น ความหลากหลายของชนิดพันธุ์พืชหรืออนุกรมวิธานของพืชที่มีอยู่ในประเทศไทยหรือในโลก ศึกษาเกี่ยวกับสรีรวิทยาของพืช เช่น พืชเจริญเติบโต สร้างอาหาร และอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นได้อย่างไร) ศึกษาทำความเข้าใจด้านนิเวศวิทยาในสังคมป่า ชายทะเล สังคมเมือง และสังคมอื่นๆ ที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงการใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีชีวภาพกับพืข เพื่อเพิ่มจำนวนหรือทำให้พืชจำนวนจำกัดสามารถสร้างสารที่เราต้องการได้
นักเคมีวิเคราะห์ (Analytical Chemist)
ผู้วิจัยและวิเคราะห์สารตัวอย่างเพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงองค์ประกอบและโครงสร้างทางเคมีของวัสดุนั้นๆ โดยทำงานขึ้นอยู่กับขอบเขตหัวข้อที่ศึกษาวิจัย จุดประสงค์ของการวัดวิเคราะห์หรือกระบวนการดำเนินการทดสอบ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของหน่วยงานที่สังกัดหรืออุตสาหกรรมประเภทต่างๆ มีรูปแบบการวิเคราะห์หลัก 2 แบบ คือ การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative analysis) และ การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative analysis)
นักเคมีฟิสิกส์ (Physical Chemist)
ผู้ทำหน้าที่ศึกษาวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางเคมีและการแปรรูปของพลังงาน ศึกษาพฤติกรรมของสสารในระดับโมเลกุล อะตอม และการเกิดปฏิกิริยาเคมี
นักธรณีวิทยา (Geologist)
ผู้ศึกษาของแข็ง ของเหลว และแก๊สที่เป็นองค์ประกอบของโลกและดาวเคราะห์ รวมถึงกระบวนการที่ก่อร่างสร้างขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงของโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยอาศัยหลักฐานที่ได้จากการสำรวจ การทดลองในห้องปฏิบัติการ รวมถึงศาสตร์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทุกแขนง เพื่อแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ และประเมินสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างธรณีพิบัติภัย (ภัยธรรมชาติที่เกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยา เช่น แผ่นดินไหว สึนามิ หลุมยุบ ดินถล่ม หิมะถล่ม ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ) มาประมวลและถ่ายทอดเป็นองค์ความรู้สำหรับการเผยแพร่ต่อไป
นักธรณีวิทยาแต่ละคนจะรับหน้าที่รับผิดชอบงานแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญและวัตถุประสงค์ของงาน
นักบรรพชีวินวิทยา (Paleontologist)
นักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาซากดึกดำบรรพ์ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในอดีต และการเปลี่ยนแปลงทางธรณีประวัติในอดีต นักบรรพชีวินวิทยาจะศึกษาทั้งไดโนเสาร์และสิ่งมีชีวิตทุกกลุ่ม เช่น ปลาโบราณ จระเข้โบราณ เต่าโบราณ พืชโบราณ รวมไปถึงปะการัง แพลงก์ตอน หรือสิ่งมีชีวิตในทะเลในอดีต
ความแตกต่างของนักธรณีวิทยากับนักบรรพชีวินวิทยา คือ นักธรณีวิทยาจะเรียนรู้เกี่ยวกับโลกทั้งหมด แต่นักบรรพชีวินวิทยาจะศึกษาสิ่งมีชีวิตที่เคยมีอยู่ในโลกตั้งแต่สมัยชีวิตแรกเริ่ม (ประมาณ 3,000 กว่าล้านปีมาแล้ว)
นักวัสดุศาสตร์ (Materials Scientist)
ศึกษาและวิจัยด้านวัสดุศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ศึกษาคุณสมบัติต่างๆ ของวัสดุและกระบวนการที่เกี่ยวข้อง สามารถควบคุมการผลิต ทดสอบ พัฒนาวัสดุในสถานประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงพัฒนาโครงสร้างและคุณสมบัติทางเคมีของวัสดุให้สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตามเป้าหมายของหน่วยงานหรือองค์กรที่สังกัด
นักเทคโนโลยีทางภาพและการพิมพ์ (Imaging and Printing Scientist)
ผู้วิจัยและพัฒนางานภาพและการพิมพ์ ทั้งกระดาษ สี หมึก และภาพถ่าย มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ที่ผนวกศาสตร์ทางเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์มาวิจัยวัสดุทางภาพ กระบวนการทางภาพ และวิทยาศาสตร์ของสี เช่น วิจัยแสงที่ตกกระทบกับกล้อง ที่จะทำให้ถ่ายภาพออกมาได้คุณภาพที่ดี วิเคราะห์ความละเอียดของกล้องฟิล์มและกล้องดิจิตอล
นักวิเคราะห์นโยบาย เทคโนโลยี (Science Policy Analyst)
ทำงานด้านนโยบายของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี โดยอาศัยมุมมอง ความรู้ และประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ มาใช้ในกระบวนการวิเคราะห์และวิจัยสถานการณ์ พิจารณานโยบายหรือกฎหมาย สำหรับใช้กำหนดแนวทางปฏิบัติ นอกจากนี้ยังต้องประสานงานและทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ องค์กร สมาคม รวมถึงรับผิดชอบการร่างนโยบาย คำแถลงการ ฯลฯ
งานของนักวิเคราะห์นโยบายเทคโนโลยีมีเป้าหมายเพื่อให้ได้นโยบายสำหรับการขับเคลื่อนและสนับสนุนวิทยาศาสตร์ให้สามารถตอบโจทย์ทางสังคมได้ ในประเทศไทยยังไม่มีตำแหน่งงานนี้ที่แน่ชัด (อาจพบในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา หรือนักวิทยาศาสตร์ที่นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มารีวิวหรืออธิบายปรากฏการณ์ทางสังคม)
ตัวแทนสิทธิบัตร (Patent Agent)
ผู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ขอรับสิทธิบัตร โดยจะดำเนินการเกี่ยวกับการขอรับสิทธิบัตรทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ รวมทั้งดูแลรักษาสิทธิบัตรหลังจากที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว นอกจากนี้ยังดูแลกระบวนการพิจารณาข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิบัตร การยื่นคำร้อง การอุทธรณ์ การฎีกาต่อคดีต่างๆ รวมถึงหาข้อมูล วิเคราะห์ และคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่จะเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินขององค์กรที่สังกัด ซึ่งตัวแทนสิทธิบัตรในบางหน่วยงานจะมีเงื่อนไขรับเฉพาะผู้ที่เรียนจบจากคณะสายวิทยาศาสตร์ โดยตัวแทนสิทธิบัตรในประเทศไทยจะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมและขึ้นทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์เท่านั้น
นักเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnologist)
ผู้เชี่ยวชาญที่นำความรู้ด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตมาวิจัย เพื่อมองหาความเป็นไปได้ในการจัดการความท้าทาย อนุรักษ์ดูแล และพัฒนาให้เกิดผลผลิตที่ดีขึ้น มีคุณสมบัติสายพันธุ์ที่ทนต่อสภาพอากาศและโรคที่ไม่พึงประสงค์ โดยทั่วไปจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาและคิดค้นเพื่อนพัฒนาด้านการแพทย์ (เช่น การพัฒนายาใหม่ให้รักษาโรคที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น) การเกษตร (เช่น การปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์เศรษฐกิจ ให้แข็งแรง สามารถให้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพ)
นักเทคโนโลยีชีวภาพอุตสาหกรรม (industrial Biotechnologist)
ผู้ควบคุมคุณภาพ ผู้ควบคุมการผลิต นักวิจัย นักพัฒนาผลิตภัณฑ์ นักวิเคราะห์ เจ้าหน้าที่โครงการ ที่ใช้องค์ความรู้ทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มาทำงานในภาคอุตสาหกรรม ทั้งในรูปแบบ
1) ไม่ใช่อุตสาหกรรมอาหาร (Non-Food Industry) เช่น อุตสาหกรรมพลังงาน โรงงานอาหารสัตว์ โรงงานกระดาษ โรงงานแป้ง โรงงานน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตกรดอินทรีย์ อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ เป็นต้น
2) ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร (Food Industry) เช่น โรงงานที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม โรงงานเครื่องปรุงรส โรงงานผลิตนมเปรี้ยว โดยรับผิดชอบตำแหน่ง
ผู้ประกอบการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and Technology Entrepreneur)
ผู้นำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาแก้ปัญหา (Pain Point) หรือตอบโจทย์ความต้องการของผู้ว่าจ้างหรือคนในสังคม และสร้างสรรค์เป็นสินค้าหรือบริการเพื่อขยายผลในฐานะผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจ
ตัวอย่างผลงาน เช่น
- การใช้เทคโนโลยีสกัดสารจากพืชมาทำเป็นเจลบำรุงผิว
- การใช้ Big Data และระบบ AI มาช่วยตั้งราคาและออกแบบระบบรองรับลูกค้าที่สั่งจองเสื้อผ้าออนไลน์ สามารถลองชุดได้เมื่อเดินทางถึงร้านแล้ว
- การผลิตอาหารแห้งที่มีโภชนาการสูงให้เหมาะสำหรับการเดินทางไกลๆ และเก็บรักษาได้นาน
นักนิติวิทยาศาสตร์ (Forensic scientist)
ผู้ใช้ความรู้และหลักการทางวิทยาศาสตร์มาวิเคราะห์และพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีความ ทั้งการเก็บและพิสูจน์หลักฐาน ตรวจร่างกายและวัตถุพยาน (เช่น ลายนิ้วมือ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เหงื่อ คราบน้ำลาย เส้นผม ฯลฯ) ที่จะช่วยในการค้นหาความจริง โดยมีเป้าหมายให้เกิดประโยชน์ในการสืบสวนและดำเนินคดีทางกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยกระบวนการยุติธรรมในการพิสูจน์หลักฐานและชี้นำไปสู่ผู้กระทำความผิดอาญา