• ภาพรวมงานจะครอบคลุมทั้งงานสอน งานแนะแนวทั้ง 5 บริการ และงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย

-หากเป็นครูแนะแนวในโรงเรียนขยายโอกาสหรือโรงเรียนขนาดเล็ก อาจต้องจัดการเรียนการสอนตามคาบในรายวิชากิจกรรมแนะแนวและวิชาอื่นด้วย
- หากเป็นครูแนะแนวในโรงเรียนขนาดใหญ่ จะมีหน้าที่จัดการเรียนการสอนตามคาบในรายวิชากิจกรรมแนะแนว ซึ่งอาจแบ่งห้องหรือระดับชั้นสอนกับครูแนะแนวท่านอื่นๆ (ขึ้นอยู่กับขนาดโรงเรียน)

• งานแนะแนว ทั้ง 5 บริการ ได้แก่
  1. บริการศึกษาข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคล (Individual Inventory Service) ติดตามข้อมูลการศึกษาต่อ ฐานข้อมูลศิษย์เก่า 
  2. บริการสนเทศ (Information Service)
  3. บริการให้การปรึกษา (Counseling Service)
  4. บริการจัดวางตัวบุคคล  (Placement Service) 
  5. บริการติดตามผล  (Follow-up Service)

• เข้างานตามเวลาราชการ
• พบนักเรียนที่ปรึกษา
• เตรียมการสอนและเข้าสอนในรายวิชาแนะแนว
• จัดการทำงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย 

1. ในพื้นที่โรงเรียน: ครูในโรงเรียน (Teacher) ฝ่ายต่างๆ เช่น วิชาการ กิจการนักเรียน พยาบาล บริหารทั่วไป
2. นอกพื้นที่โรงเรียน: สถาบันหรือองค์กรการศึกษา เช่น เจ้าหน้าที่ คุณครูแนะแนวและผู้บริหารในมหาวิทยาลัย โรงเรียน เขตพื้นที่การศึกษา 
3. หน่วยงาน เช่น แพทย์ (Doctor) ตำรวจ (Police) เจ้าหน้าที่สถานพินิจ (Youth detention worker) นักจิตวิทยา (Psychologist) เจ้าหน้าที่ธนาคาร (Banker) เจ้าของกิจการ (Business owner) เป็นต้น

• ครูแนะแนวอาจสังกัดโรงเรียนรัฐ หรือโรงเรียนเอกชน มีสถานที่ทำงานหลักคือโรงเรียนและอาจมีโอกาสออกไปทำงานนอกสถานที่บ้าง เช่น ออกแนะแนวศึกษาต่อ เพื่อแนะนำโรงเรียน/ แผนการเรียน หรือ เข้าร่วมกิจกรรมกับทางสถาบันการศึกษาอื่น
• ทำงานตั้งแต่ 7.30 - 16.30 น. ในวันเวลาราชการ หยุดวันเสาร์อาทิตย์
• อยู่เวรโรงเรียน เดือนละ 1 ครั้ง (ความถี่แตกต่างกันไปตามขนาดและจำนวนบุคลากรในโรงเรียน)

1. เรียนจบสาขาจิตวิทยาการแนะแนว จิตวิทยาการให้คำปรึกษาและการแนะแนว
2. ถ้าเป็นครูแนะแนวในระบบราชการ ต้องมีใบประกอบวิชาชีพครู แต่ถ้าเป็นครูโรงเรียนเอกชน อาจจะไม่มีการใช้ใบประกอบวิชาชีพในการทำงาน แต่สามารถเรียนจบในสาขาจิตวิทยาอื่นๆ (ขึ้นอยู่กับนโยบายของโรงเรียน) 
3. มีความรู้ ความเข้าใจในการแนะแนว มีข้อมูลการศึกษาต่อ ข้อมูลพื้นฐานของแผนการเรียน คณะสาขา รวมถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการศึกษาต่อ อย่างเช่น TCAS 
4. มีความรู้ความเข้าใจในการใช้แบบวัดทางจิตวิทยา
5. มีความสามารถด้านการบริการ 
6. มีทักษะการสื่อสาร การฟัง การพูด ติดต่อสื่อสาร
7. สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี พร้อมทำงานทั้งในและนอกองค์กร
8. จับความรู้สึกได้ไว ช่างสังเกต มีทักษะในการให้คำปรึกษาที่ดี
9. ทันกระแส ตามเทรนด์ และมีความคิดสร้างสรรค์
10. มีความจำดี จดจำชื่อ ข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ได้
11. สามารถจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้ดี รู้เท่าทันความรู้สึกตนเองเสมอ

• ครูแนะแนวในระบบราชการค่อนข้างเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง เพราะมีรายได้เป็นเงินเดือน มีสวัสดิการต่างๆ ที่สนับสนุนการใช้ชีวิต มีการขึ้นเงินเดือนปีละ 2 ครั้ง ส่วนครูแนะแนวในโรงเรียนหรือสถาบันเอกชน อาจจะได้รับผลตอบแทนและสวัสดิการแตกต่างกันไป
• คุณค่าที่ได้จากการทำอาชีพครูแนะแนว คือ การได้ช่วยเหลือนักเรียนให้ผ่านพ้นหรือไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งด้านการเรียนและการประกอบอาชีพ และครูแนะแนวมีโอกาสได้รู้จักผู้คนจากหลากหลายองค์กร 

• ความท้าทายในการทำอาชีพครูแนะแนว เช่น

1. ปัญหาสุขภาพจิต เพราะต้องทำงานด้านการช่วยเหลือ แก้ปัญหา และสนับสนุนนักเรียนภายใต้ความคาดหวังและแรงกดดันจากหลายฝ่าย ทำให้ครูแนะแนวต้องรู้จักการผ่อนคลายและละวางปัญหาที่พบเจอให้ได้ 
2. ปัญหาเรื่องสุขภาพกาย งานแนะแนวต้องรับผิดชอบด้านการจัดการข้อมูลหลายส่วน เช่น ทุนการศึกษา ข้อมูลนักเรียน รวมถึงเอกสารอื่นๆ อาจจะก่อให้เกิดอาการ Office syndrome 
    

มัธยมศึกษาตอนปลาย

• เปิดรับทุกสายการเรียน วุฒิจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า

ปริญญาตรี เช่น

• คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยาการปรึกษา การแนะแนวและการศึกษาพิ
• คณะศึกษาศาสตร์ วิชาเอกจิตวิทยาและการแนะแนว 
• วิทยาลัยการฝึกหัดครู สาขาวิชาจิตวิทยาการแนะแนวและการปรึกษา
• คณะศึกษาศาสตร์และศิลปศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยาการแนะแนวและให้คำปรึกษา

ปริญญาโท เช่น

• หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยาและการแนะแนว
• หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา

*ข้อมูล ณ ปี 2567