ข้อมูลอาชีพครูสอนการแสดง (ในโรงเรียนสอนพิเศษ)

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 เวลา 22:44 • ใช้เวลาอ่าน 3 นาที
Acting-amico.png

 

นิยามสั้นๆ

 

ผู้ฝึกสอนการแสดงให้ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจเป้าหมายของตัวละครหรือบทบาทที่ตนได้รับ สามารถสื่อสาร แสดงออกมาได้ตรงตามที่ตั้งใจ

 

📃 ลักษณะงาน
  • ออกแบบการเรียนสอนหรือกิจกรรมเวิร์กช็อปด้านศิลปะการแสดง ที่ต้องอาศัยทั้งภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ รวมถึงด้านจิตวิทยา ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับผู้เรียนกลุ่มต่างๆ ที่มีทั้งการเรียนแบบกลุ่ม ที่ต้องมีเพื่อนร่วมเล่นในการแสดง อาศัยการส่งต่ออารมณ์ และมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และการเรียนตัวต่อตัว ที่มีเป้าหมายในปรับปรุงและพัฒนาด้านการแสดงของผู้เรียนโดยเฉพาะ อาจแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มได้ ดังนี้ 
    - นักแสดงหน้าใหม่ ที่ต้องการฝึกพื้นฐานก่อนก้าวเข้าเป็นนักแสดงมืออาชีพ 
    - นักแสดงอาชีพ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบท หรือต้องการสร้างคาแรคเตอร์ให้เหมาะกับบทที่ได้รับมา                                                                            - นักเรียน นักศึกษา คนทั่วไปที่สนใจเรียนเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อความสนุกสนาน เพื่อให้รู้จักตัวเองมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพ หรือเพื่อการเป็นนักแสดงในอนาคต     
    - นักร้อง นักดนตรี เรียนเพื่อ performance ที่ดีบนเวที เพื่อฟิลลิ่งในการแสดงออก ส่งต่ออารมณ์กับคนดู   
    - ผู้บริหาร เซลล์ขายสินค้าหรือบริการ หรืออาชีพที่ต้องอาศัยบุคลิกภาพและการสื่อสารเป็นหลัก เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารในการทำงานโดยเฉพาะ 
  • ทำงานอยู่ในกองถ่าย เพื่อช่วยโค้ชและสนับสนุนนักแสดง
📊 ขั้นตอนการทำงาน
  • หากเรียงลำดับตามการเข้าเรียนของผู้เรียน ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานของครูสอนการแสดง อาจแบ่งได้ ดังนี้
    1. ออดิชั่น ทดสอบเพื่อดูพื้นฐานผู้เรียนก่อนเริ่มเรียน ทั้งด้านการแสดง ทักษะการใช้เสียง บุคลิกภาพ ความมั่นใจ เป็นต้น และจัดคลาสเรียนให้เหมาะสม
    2. คลาสที่ 1 ปูพื้นฐาน และกระตุ้นให้ผู้เรียนดึงความเป็นตัวตน ดึงความมั่นใจของตัวเองออกมา 
    3. คลาสที่ 2 ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจความต้องการของตัวละคร และสามารถใช้จินตนาการพื้นฐาน  
    4. คลาสที่ 3  ฝึกทักษะให้ผู้เรียนมีจินตนาการขั้นสูง สามารถแสดงอารมณ์ โกรธที่สุด ดีใจที่สุด เสียใจที่สุดได้ สามารถให้เหตุผลกับแต่ละเส้นเรื่องในบทได้  
    5. คลาสที่ 4 เพิ่มความเชี่ยวชาญให้ผู้เรียนทำงานกับบทได้ 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถตีความคาแรคเตอร์ได้ดี และนำความรู้ที่เรียนมาปรับใช้ได้ 
👩🏻‍💻 อาชีพที่ต้องทำงานร่วมกัน
  1. ผู้เรียน ที่มีความหลากหลายทั้งอาชีพ อายุ เพศ
  2. แอดมินหรือคนที่ติดต่อประสานงาน จัดการดูแลตารางเรียน 
  3. ผู้ปกครองของผู้เรียน (ในบางกรณีที่ครูต้องพูดคุยสื่อสารกับผู้ปกครอง เพื่อร่วมกันออกแบบการสนับสนุนทักษะด้านการแสดงที่เหมาะสมกับผู้เรียน)
  4. (กรณีทำงานในกองถ่าย) ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ นักแสดง
🏢 สถานที่และเวลาทำงาน
  • มีรูปแบบสถานที่ทำงานที่หลากหลายมาก อาจเป็นสถาบันการแสดงที่เช่าสถานที่อยู่ในห้าง รับสอนที่บ้าน หรือเป็นโรงเรียนที่มีพื้นที่ของตัวเองเลย ขึ้นอยู่กับขนาดและนโยบายขององค์กรที่สังกัดและจำนวนเด็กที่เปิดสอน (ปกติถ้าเป็นคลาสใหญ่จะมีผู้เรียนประมาณ 20 คน) 
  • การเรียนการสอนแบบคนเดียว (คลาสไพรเวท) สามารถจัดสอนที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมีพื้นที่เรียบสามารถเกลือกกลิ้งได้ ใช้ร่างกายในการเคลื่อนไหวได้ ไม่มีเสียงภายนอกรบกวนมากนัก ยกเว้นบางกิจกรรมที่ต้องอาศัยจินตนาการและต้องการสมาธิ จะต้องเป็นห้องเก็บเสียงที่เงียบและสงบมากๆ 
✅ ความรู้ความสามารถที่ต้องใช้
  1. มีความรู้ด้านนิเทศศาสตร์ หรือศาสตร์เกี่ยวกับการสื่อสาร กรณีที่ศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย จะได้เรียนความรู้เฉพาะทางเพิ่มเติม เช่น
    - วารสารสนเทศ (Journalism - JR) เน้นการเขียน สำหรับคนที่อยากเป็นนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ นิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลาย
    - การสื่อสารมวลชน (Mass Communication - MC) พวกสื่อกระจายเสียงทั้งหลาย พวกที่มีคำว่าออกอากาศนะคะ สำหรับคนอยากทำงานพวกเกี่ยวกับเบื้องหลังวิทยุ โทรทัศน์
    - ประชาสัมพันธ์ (Public Relation - PR) งานสื่อสารองค์กร ประสานงานสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
    - โฆษณา (Advertising - AD) ออกแนวการตลาด สำหรับคนอยากเป็น AE ครีเอทีฟ หรือพวกนักวางแผนทางการตลาด
    - ภาพยนตร์และภาพนิ่ง (Communication Arts in Film - FILM) สำหรับคนที่ทำงานสื่อสารด้วยภาพ อยู่กับกล้อง ผู้กำกับ หรือทำงานในกองถ่าย
    - สื่อสารการแสดง (Performing Arts - PA) พวกงาน Performance ต่างๆ ละครในจอ ละครเวที รวมถึงการเขียนบท กำกับเวที   ซึ่งพี่เองจบจากสาขานี้โดยตรงค่ะ 
    - วาทวิทยา (Speech Communication - SPEECH) การสื่อสารด้วยคำพูดทั้งหมด พวกนักพูด ผู้ประกาศ โฆษก พิธีกร
  2. เป็นคนที่รักการแสดง และมีทักษะการสื่อสารที่สามารถถ่ายทอดได้ สื่อสารกับคนหมู่มากได้ สามารถทำให้ผู้รับสารหรือผู้ชมเข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะบอกได้
  3. ตรงต่อเวลา 
  4. มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน 
  5. ช่างสังเกต ชอบพฤติกรรมของมนุษย์ ความเปลี่ยนแปลงไปพัฒนาการของบุคลิกในช่วงเวลาหรือสถานการณ์ที่หลากหลาย 
  6. สะสมประสบการณ์ชีวิตอย่างต่อเนื่อง รับสื่อจากหลากหลายช่องทาง เช่น การดูหนัง ดูละครเวที อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ เพื่อให้เข้าใจวิถีของมนุษย์มากขึ้น เพื่อนำมาปรับใช้กับการเรียนการสอน 
  7. เป็นคนที่ชอบทำอะไรแปลกใหม่ สนุกกับการทดลอง
💵 โอกาส ความท้าทาย และผลตอบแทน
  • เป็นอาชีพที่มีโอกาสพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะจะได้พบผู้เรียนที่มีพื้นฐานความสามารถและโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย จำเป็นต้องคอยดูแลสุขภาพร่างกายและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอนเสมอ
  • เป็นอาชีพที่ต้องอาศัยการสั่งสมประสบการณ์ การคลุกคลีในวงการ มีคนให้โอกาส หรือมองเห็นศักยภาพ จนได้มีโอกาสไปช่วยสอนหรือไปออกกอง
  • ความก้าวหน้าในอาชีพจะมาในรูปแบบศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ ที่ครูผู้สอนจะสามารถออกแบบคลาสเรียนให้มีความน่าสนใจและมีประโยขน์ในวงกว้างมากขึ้น เช่น ในช่วงแรกสอนเฉพาะนักเรียนการแสดงหรือว่าคนที่เป็นนักแสดงเท่านั้น แต่ต่อมาสามารถพัฒนางานสอนที่เปิดกว้างได้มากขึ้น สามารถตอบโจทย์ผู้เรียนวิชาชีพที่หลากหลาย ที่ต้องการพัฒนาการสื่อสาร บุคลิกภาพ หรือการแสดงให้ดีขึ้น
  • อาจมีตารางงานที่ปรับเปลี่ยนบ่อยตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งขึ้นอยู่กับโรงเรียนหรือสังกัดที่ทำงานว่ามีกำหนดให้บริการวัน-เวลาใดบ้าง โดยส่วนมากจะทำงานวันเสาร์อาทิตย์ เพราะผู้เรียนส่วนใหญ่จะเลือกเรียนในวันหยุด หรือในวันธรรมดาช่วงเย็นหลังเลิกงาน
  • ค่าตอบแทนจะคิดเป็นชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อตกลงของผู้ว่าจ้างว่าจะให้ค่าตอบแทนสำหรับการสอน  หรือการไปออกกองชั่วโมงละเท่าไร 
    - กรณีที่ครูสอนการแสดงมีชื่อเสียงและความสามารถมาก จะมีโอกาสได้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น และอาจได้ร่วมงานกับผู้ว่าจ้างหลายหน่วยงาน ซึ่งทำให้รายรับเฉลี่ยต่อเดือนสูงตามไปด้วย 
    - หากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยจะได้ค่าตอบแทนเป็นเป็นเงินเดือนประจำ อาจอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทเป็นอย่างน้อย 
  • คุณค่าที่ได้จากการประกอบอาชีพนี้ คือ โอกาสในการช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทัศนคติ แนวความคิดของผู้เรียน รวมถึงหนุนเสริมให้ชีวิตผู้เรียนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เช่น จากเดิมที่ผู้เรียนไม่มีความมั่นใจในตัวเอง มีความคิดหรือสิ่งที่แสดงออกมาเป็นไปในแง่ลบ ซึ่งจะส่งผลกับการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคต แต่เมื่อผ่านกระบวนการด้านการแสดง จนผู้เรียนเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง มีบุคลิกภาพที่เอื้อต่อการใช้ชีวิต มีทัศนคติการมองเห็นโอกาสความเป็นไปได้ในโลก รวมถึงมีความสามารถในการสร้างความสุขให้กับคนรอบข้างได้ เป็นต้น
🖥️ ช่องทางการศึกษาความรู้เพิ่มเติม
  1. ครูลูกแก้ว-วริศรา บำรุงเวช https://www.tiktok.com/@krulukkaew
📚 ข้อมูลสายการเรียนที่เกี่ยวข้อง

มัธยมศึกษาตอนปลาย

  • สายวิทย์-คณิต
  • สายศิลป์-คำนวณ
  • สายศิลป์-ภาษา
  • ปวช. หรือเทียบเท่า *บางสถาบันรับสายนี้

 

ปริญญาตรี เช่น

  • คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ 
  • คณะดนตรีและการแสดง สาขาวิชาศิลปะการแสดง เอกศิลปะการละคร
  • คณะวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาศิลปะการแสดง 
  • คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปการแสดง วิชาเอกการแสดงและกำกับการแสดง 
  • คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร สาขาวิชานิเทศศาสตร์ 
  • คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขาวิชานิเทศศาสตร์
  • สำนักสารสนเทศศาสตร์ สาขานิเทศศาสตร์ดิจิทัล 

 

ปริญญาโท เช่น

จบ ป.ตรีสาขาทุกสาขา แต่ต้องศึกษาเกี่ยวกับทักษะการแสดง การสื่อสาร การสอน และฝึกประสบการณ์ด้านการแสดง ในกองถ่าย หรือทางชองทางออนไลน์เพิ่มเติม

  • คณะนิเทศศาสตร์ นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
  • คณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการแสดง 
  • คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสื่อสาร 
  • คณะวิทยาการจัดการ นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ 
  • วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์

 

ปริญญาเอก เช่น

  • คณะนิเทศศาสตร์ นิเทศศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ 
  • คณะศิลปกรรมศาสตร์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการแสดง 
  • คณะวิทยาการจัดการ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
  • วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ 

 

*ข้อมูล ณ ปี 2567

🌐 แหล่งอ้างอิง

 

467

แนะนำอาชีพใกล้เคียง

ไม่มีข้อมูล

รู้จักอาชีพผ่านกิจกรรม

ไม่มีข้อมูล