
นิยามสั้นๆ
ผู้ฝึกสอนการแสดงให้ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจเป้าหมายของตัวละครหรือบทบาทที่ตนได้รับ สามารถสื่อสาร แสดงออกมาได้ตรงตามที่ตั้งใจ
📃 ลักษณะงาน
- ออกแบบการเรียนสอนหรือกิจกรรมเวิร์กช็อปด้านศิลปะการแสดง ที่ต้องอาศัยทั้งภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ รวมถึงด้านจิตวิทยา ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับผู้เรียนกลุ่มต่างๆ ที่มีทั้งการเรียนแบบกลุ่ม ที่ต้องมีเพื่อนร่วมเล่นในการแสดง อาศัยการส่งต่ออารมณ์ และมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และการเรียนตัวต่อตัว ที่มีเป้าหมายในปรับปรุงและพัฒนาด้านการแสดงของผู้เรียนโดยเฉพาะ อาจแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มได้ ดังนี้
- นักแสดงหน้าใหม่ ที่ต้องการฝึกพื้นฐานก่อนก้าวเข้าเป็นนักแสดงมืออาชีพ
- นักแสดงอาชีพ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบท หรือต้องการสร้างคาแรคเตอร์ให้เหมาะกับบทที่ได้รับมา - นักเรียน นักศึกษา คนทั่วไปที่สนใจเรียนเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อความสนุกสนาน เพื่อให้รู้จักตัวเองมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพ หรือเพื่อการเป็นนักแสดงในอนาคต
- นักร้อง นักดนตรี เรียนเพื่อ performance ที่ดีบนเวที เพื่อฟิลลิ่งในการแสดงออก ส่งต่ออารมณ์กับคนดู
- ผู้บริหาร เซลล์ขายสินค้าหรือบริการ หรืออาชีพที่ต้องอาศัยบุคลิกภาพและการสื่อสารเป็นหลัก เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารในการทำงานโดยเฉพาะ - ทำงานอยู่ในกองถ่าย เพื่อช่วยโค้ชและสนับสนุนนักแสดง
📊 ขั้นตอนการทำงาน
- หากเรียงลำดับตามการเข้าเรียนของผู้เรียน ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานของครูสอนการแสดง อาจแบ่งได้ ดังนี้
1. ออดิชั่น ทดสอบเพื่อดูพื้นฐานผู้เรียนก่อนเริ่มเรียน ทั้งด้านการแสดง ทักษะการใช้เสียง บุคลิกภาพ ความมั่นใจ เป็นต้น และจัดคลาสเรียนให้เหมาะสม
2. คลาสที่ 1 ปูพื้นฐาน และกระตุ้นให้ผู้เรียนดึงความเป็นตัวตน ดึงความมั่นใจของตัวเองออกมา
3. คลาสที่ 2 ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจความต้องการของตัวละคร และสามารถใช้จินตนาการพื้นฐาน
4. คลาสที่ 3 ฝึกทักษะให้ผู้เรียนมีจินตนาการขั้นสูง สามารถแสดงอารมณ์ โกรธที่สุด ดีใจที่สุด เสียใจที่สุดได้ สามารถให้เหตุผลกับแต่ละเส้นเรื่องในบทได้
5. คลาสที่ 4 เพิ่มความเชี่ยวชาญให้ผู้เรียนทำงานกับบทได้ 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถตีความคาแรคเตอร์ได้ดี และนำความรู้ที่เรียนมาปรับใช้ได้
👩🏻💻 อาชีพที่ต้องทำงานร่วมกัน
- ผู้เรียน ที่มีความหลากหลายทั้งอาชีพ อายุ เพศ
- แอดมินหรือคนที่ติดต่อประสานงาน จัดการดูแลตารางเรียน
- ผู้ปกครองของผู้เรียน (ในบางกรณีที่ครูต้องพูดคุยสื่อสารกับผู้ปกครอง เพื่อร่วมกันออกแบบการสนับสนุนทักษะด้านการแสดงที่เหมาะสมกับผู้เรียน)
- (กรณีทำงานในกองถ่าย) ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ นักแสดง
🏢 สถานที่และเวลาทำงาน
- มีรูปแบบสถานที่ทำงานที่หลากหลายมาก อาจเป็นสถาบันการแสดงที่เช่าสถานที่อยู่ในห้าง รับสอนที่บ้าน หรือเป็นโรงเรียนที่มีพื้นที่ของตัวเองเลย ขึ้นอยู่กับขนาดและนโยบายขององค์กรที่สังกัดและจำนวนเด็กที่เปิดสอน (ปกติถ้าเป็นคลาสใหญ่จะมีผู้เรียนประมาณ 20 คน)
- การเรียนการสอนแบบคนเดียว (คลาสไพรเวท) สามารถจัดสอนที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมีพื้นที่เรียบสามารถเกลือกกลิ้งได้ ใช้ร่างกายในการเคลื่อนไหวได้ ไม่มีเสียงภายนอกรบกวนมากนัก ยกเว้นบางกิจกรรมที่ต้องอาศัยจินตนาการและต้องการสมาธิ จะต้องเป็นห้องเก็บเสียงที่เงียบและสงบมากๆ
✅ ความรู้ความสามารถที่ต้องใช้
- มีความรู้ด้านนิเทศศาสตร์ หรือศาสตร์เกี่ยวกับการสื่อสาร กรณีที่ศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย จะได้เรียนความรู้เฉพาะทางเพิ่มเติม เช่น
- วารสารสนเทศ (Journalism - JR) เน้นการเขียน สำหรับคนที่อยากเป็นนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ นิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลาย
- การสื่อสารมวลชน (Mass Communication - MC) พวกสื่อกระจายเสียงทั้งหลาย พวกที่มีคำว่าออกอากาศนะคะ สำหรับคนอยากทำงานพวกเกี่ยวกับเบื้องหลังวิทยุ โทรทัศน์
- ประชาสัมพันธ์ (Public Relation - PR) งานสื่อสารองค์กร ประสานงานสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
- โฆษณา (Advertising - AD) ออกแนวการตลาด สำหรับคนอยากเป็น AE ครีเอทีฟ หรือพวกนักวางแผนทางการตลาด
- ภาพยนตร์และภาพนิ่ง (Communication Arts in Film - FILM) สำหรับคนที่ทำงานสื่อสารด้วยภาพ อยู่กับกล้อง ผู้กำกับ หรือทำงานในกองถ่าย
- สื่อสารการแสดง (Performing Arts - PA) พวกงาน Performance ต่างๆ ละครในจอ ละครเวที รวมถึงการเขียนบท กำกับเวที ซึ่งพี่เองจบจากสาขานี้โดยตรงค่ะ
- วาทวิทยา (Speech Communication - SPEECH) การสื่อสารด้วยคำพูดทั้งหมด พวกนักพูด ผู้ประกาศ โฆษก พิธีกร - เป็นคนที่รักการแสดง และมีทักษะการสื่อสารที่สามารถถ่ายทอดได้ สื่อสารกับคนหมู่มากได้ สามารถทำให้ผู้รับสารหรือผู้ชมเข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะบอกได้
- ตรงต่อเวลา
- มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน
- ช่างสังเกต ชอบพฤติกรรมของมนุษย์ ความเปลี่ยนแปลงไปพัฒนาการของบุคลิกในช่วงเวลาหรือสถานการณ์ที่หลากหลาย
- สะสมประสบการณ์ชีวิตอย่างต่อเนื่อง รับสื่อจากหลากหลายช่องทาง เช่น การดูหนัง ดูละครเวที อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ เพื่อให้เข้าใจวิถีของมนุษย์มากขึ้น เพื่อนำมาปรับใช้กับการเรียนการสอน
- เป็นคนที่ชอบทำอะไรแปลกใหม่ สนุกกับการทดลอง
💵 โอกาส ความท้าทาย และผลตอบแทน
- เป็นอาชีพที่มีโอกาสพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะจะได้พบผู้เรียนที่มีพื้นฐานความสามารถและโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย จำเป็นต้องคอยดูแลสุขภาพร่างกายและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอนเสมอ
- เป็นอาชีพที่ต้องอาศัยการสั่งสมประสบการณ์ การคลุกคลีในวงการ มีคนให้โอกาส หรือมองเห็นศักยภาพ จนได้มีโอกาสไปช่วยสอนหรือไปออกกอง
- ความก้าวหน้าในอาชีพจะมาในรูปแบบศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ ที่ครูผู้สอนจะสามารถออกแบบคลาสเรียนให้มีความน่าสนใจและมีประโยขน์ในวงกว้างมากขึ้น เช่น ในช่วงแรกสอนเฉพาะนักเรียนการแสดงหรือว่าคนที่เป็นนักแสดงเท่านั้น แต่ต่อมาสามารถพัฒนางานสอนที่เปิดกว้างได้มากขึ้น สามารถตอบโจทย์ผู้เรียนวิชาชีพที่หลากหลาย ที่ต้องการพัฒนาการสื่อสาร บุคลิกภาพ หรือการแสดงให้ดีขึ้น
- อาจมีตารางงานที่ปรับเปลี่ยนบ่อยตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งขึ้นอยู่กับโรงเรียนหรือสังกัดที่ทำงานว่ามีกำหนดให้บริการวัน-เวลาใดบ้าง โดยส่วนมากจะทำงานวันเสาร์อาทิตย์ เพราะผู้เรียนส่วนใหญ่จะเลือกเรียนในวันหยุด หรือในวันธรรมดาช่วงเย็นหลังเลิกงาน
- ค่าตอบแทนจะคิดเป็นชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อตกลงของผู้ว่าจ้างว่าจะให้ค่าตอบแทนสำหรับการสอน หรือการไปออกกองชั่วโมงละเท่าไร
- กรณีที่ครูสอนการแสดงมีชื่อเสียงและความสามารถมาก จะมีโอกาสได้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น และอาจได้ร่วมงานกับผู้ว่าจ้างหลายหน่วยงาน ซึ่งทำให้รายรับเฉลี่ยต่อเดือนสูงตามไปด้วย
- หากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยจะได้ค่าตอบแทนเป็นเป็นเงินเดือนประจำ อาจอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทเป็นอย่างน้อย - คุณค่าที่ได้จากการประกอบอาชีพนี้ คือ โอกาสในการช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทัศนคติ แนวความคิดของผู้เรียน รวมถึงหนุนเสริมให้ชีวิตผู้เรียนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เช่น จากเดิมที่ผู้เรียนไม่มีความมั่นใจในตัวเอง มีความคิดหรือสิ่งที่แสดงออกมาเป็นไปในแง่ลบ ซึ่งจะส่งผลกับการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคต แต่เมื่อผ่านกระบวนการด้านการแสดง จนผู้เรียนเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง มีบุคลิกภาพที่เอื้อต่อการใช้ชีวิต มีทัศนคติการมองเห็นโอกาสความเป็นไปได้ในโลก รวมถึงมีความสามารถในการสร้างความสุขให้กับคนรอบข้างได้ เป็นต้น
🖥️ ช่องทางการศึกษาความรู้เพิ่มเติม
- ครูลูกแก้ว-วริศรา บำรุงเวช https://www.tiktok.com/@krulukkaew
📚 ข้อมูลสายการเรียนที่เกี่ยวข้อง
มัธยมศึกษาตอนปลาย
- สายวิทย์-คณิต
- สายศิลป์-คำนวณ
- สายศิลป์-ภาษา
- ปวช. หรือเทียบเท่า *บางสถาบันรับสายนี้
ปริญญาตรี เช่น
- คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- คณะดนตรีและการแสดง สาขาวิชาศิลปะการแสดง เอกศิลปะการละคร
- คณะวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาศิลปะการแสดง
- คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปการแสดง วิชาเอกการแสดงและกำกับการแสดง
- คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- สำนักสารสนเทศศาสตร์ สาขานิเทศศาสตร์ดิจิทัล
ปริญญาโท เช่น
จบ ป.ตรีสาขาทุกสาขา แต่ต้องศึกษาเกี่ยวกับทักษะการแสดง การสื่อสาร การสอน และฝึกประสบการณ์ด้านการแสดง ในกองถ่าย หรือทางชองทางออนไลน์เพิ่มเติม
- คณะนิเทศศาสตร์ นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- คณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการแสดง
- คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสื่อสาร
- คณะวิทยาการจัดการ นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
ปริญญาเอก เช่น
- คณะนิเทศศาสตร์ นิเทศศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- คณะศิลปกรรมศาสตร์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการแสดง
- คณะวิทยาการจัดการ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
*ข้อมูล ณ ปี 2567
🌐 แหล่งอ้างอิง