
นิยามสั้นๆ
ผู้สร้างสรรค์ขนมเบเกอรี่ (ปาติซิเย) ให้เกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพด้วยส่วนผสมตามสูตรที่วางไว้ กรรมวิธีการทำที่สะอาด มีมาตรฐาน รสชาติดี และรูปลักษณ์สวยงาม น่ารับประทาน
📃 ลักษณะงาน
- ผลิตและสร้างสรรค์ไอเดียทำขนมเบเกอรี่ให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน รวมถึงตรงใจผู้บริโภค
📊 ขั้นตอนการทำงาน
- รับมอบหมายและตรวจทานว่ามีขนมอะไรบ้างที่จะต้องทำหรือต้องรับผิดชอบ (กรณีเป็นร้านเบเกอรี่ อาจประเมินว่าร้านควรเพิ่มเติมขนมประเภทใดลงในตู้หน้าร้านบ้าง)
- เตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำขนมประเภทนั้นๆ
- ลงมือทำ โดยขั้นตอนและวิธีการจะต่างกันไปตามประเภทของขนม ทั้งการผสมวัตถุดิบ นวด คน อบ พัก ฯลฯ นอกจากความรู้ด้านการทำขนมแล้ว ยังต้องคอยบริหารจัดการด้วย เช่น ทยอยล้างอุปกรณ์ในช่วงพักขนม หรือใช้เวลาในระหว่างอบขนมอย่างหนึ่ง ไปเตรียมผสมส่วนผสมของขนมอีกอย่างหนึ่ง เป็นต้น เพื่อให้สามารถจัดสรรงานได้เหมาะกับเวลาที่มีจำกัด เพราะจะต้องนำจัดใส่ตู้หน้าร้านก่อนร้านเปิด หรือบรรจุและขนส่งออกไปให้ร้านต่างๆ ก่อนที่ร้านจะเปิด
- รักษาความสะอาดของครัวทำขนมและจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับพร้อมใช้ในวันต่อๆ ไป
- สืบค้นและค้นคว้าไอเดียสำหรับนำมาพัฒนาสูตรขนมใหม่ๆ หรือสูตรขนมเดิมให้ดีขึ้น
👩🏻💻 อาชีพที่ต้องทำงานร่วมกัน
- พนักงานขาย เพื่อรับรู้ว่าเราขายขนมอะไรไปบ้างและต้องทำขนมอะไรเพิ่มเติม ลูกค้าเป็นอย่างไรชอบแบบไหน
- ฝ่ายจัดซื้อ เพื่อแจ้งว่าต้องการวัตถุดิบอะไรบ้างในการทำขนม ต้องการปริมาณเท่าใด ต้องการเมื่อไร
- เจ้าของร้าน เพื่อรายงานผลการทำงาน
- ครีเอทีฟ หรือที่ปรึกษาร้านอาหาร เพื่อหารือไอเดียการปรับขนมเพื่อเพิ่มโอกาสการขายหรือพัฒนาให้ดีขึ้น เช่น ตีมการทำเค้กสำหรับวางหน้าตู้ในช่วงเทศกาล เป็นต้น
🏢 สถานที่และเวลาทำงาน
- อาชีพเชฟเบเกอรี่สามารถสังกัดอยู่ในหลายประเภทธุรกิจ ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ โรงแรม หรือทำงานที่บ้านเพื่อจัดส่งขนมให้ร้านค้า เป็นต้น
- ช่วงเวลาการทำงานจะมีการแบ่งกะทำงาน แต่โดยปกติหากสังกัดร้าน จะมีชั่วโมงการทำงานประมาณ 8 - 9 ชั่วโมง/ วัน
✅ ความรู้ความสามารถที่ต้องใช้
- รักในการทำขนมเบเกอรี่ สนใจศาสตร์การทำเบเกอรี่
- มีความคิดสร้างสรรค์
- มีความละเอียดรอบคอบ
- มีความรับผิดชอบ มีวินัยการทำงาน
- รักความสะอาด
- รักการเรียนรู้และพร้อมพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
- มีทักษะการบริหารงานและจัดการเวลา
- มีทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
💵 โอกาส ความท้าทาย และผลตอบแทน
- เชฟทำขนมเริ่มแรกอาจได้รับมอบหมายให้ประจำสเตชั่นเล็กๆ ช่วยเตรียมวัตถุดิบ หรือทำเมนูที่ไม่ยุ่งยากมาก แต่เมื่อสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ จะได้เลื่อนขั้นการทำงานที่รับผิดชอบเมนูที่ซับซ้อนขึ้นไปจนถึงการคิดค้าสูตรเมนูใหม่ๆ จนได้เป็น Executive Pastry Chef
- การต่อยอดในวิชาชีพอื่นๆ สามารถพัฒนาไปเป็นได้ทั้ง Food stylist ที่ปรึกษา นักคิดค้นสูตร ผู้ประกอบการเจ้าของร้านเบเกอรี่ ฯลฯ
- ความท้าทายในอาชีพนี้ ได้แก่
- วันทำงานและวันหยุด รวมถึงช่วงเวลาพักอาจไม่ตรงกับคนทำงานอาชีพอื่น เพราะช่วงที่ลูกค้ามักต้องการขนมหวานส่วนมากจะเป็นช่วงเวลาพักผ่อน เช่น ช่วงพักกลางวัน วันหยุด ช่วงเทศกาล
- ปัญหาด้านสุขภาพ เพราะงานในครัวเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก การทำงานลักษณะเดิมซ้ำๆ หรือต้องยกกล่องวัตถุดิบที่มีน้ำหนักเป็นประจำ อาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อ เช่น กล้ามเนื้อที่แขน มือ หลัง ได้ จึงจำเป็นต้องสังเกตร่างกายตัวเอง แบ่งเวลาออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพให้พร้อมทำงานเสมอ - ค่าตอบแทนกรณีเป็นพนักงานประจำ อาจอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการประเมินศักยภาพที่มีเทียบกับฐานเงินเดือนของร้าน และจะมีค่าบริการให้เพิ่มตามสัดส่วนที่แต่ละร้านกำหนด
- ผลที่ได้นอกเหนือจากเงินเดือนหรือค่าจ้าง คือการรับรู้ว่างานที่ทำมีส่วนในทุกๆ ช่วงเวลาความสุขของลูกค้า ทั้งวันเกิด วันครบรอบ วันแต่งงาน ฯลฯ
🖥️ ช่องทางการศึกษาความรู้เพิ่มเติม
- ศึกษาการทำงานของเชฟเบเกอรี่จาก Youtube เช่น https://www.youtube.com/@MiaBakes
📚 ข้อมูลสายการเรียนที่เกี่ยวข้อง
มัธยมศึกษาตอนปลาย
- เปิดรับทุกสายการเรียน วุฒิจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า
ปริญญาตรี/ หลักสูตรเฉพาะ เช่น
- เปิดรับวุฒิ ป.ตรีสาขาทุกสาขา แต่ควรจบหลักสูตรอบรมด้านการทำขนมเพิ่มเติมเช่น
- การทำเบเกอรี่เบื้องต้น
- การทำขนมเค้กและขนมอบมืออาชีพขั้นสูง
- หลักสูตรการประกอบขนมอบ ชั้นต้น ชั้นกลาง และชั้นสูง
*ข้อมูล ณ ปี 2567
🌐 แหล่งอ้างอิง