
นิยามสั้นๆ
ผู้อยู่กึ่งกลางระหว่างเจ้าของทุนกับฝ่ายสร้างสรรค์ ในการผลิตเนื้อหา (Content) ตามสื่อช่องทางต่างๆ
📃 ลักษณะงาน
ตำแหน่งโปรดิวเซอร์อาจเป็นคนคนหนึ่งที่รับผิดชอบทำงานในตำแหน่งนี้ หรืออาจเป็นทีมงานที่ทำงานร่วมกันโดยแบ่งงานกันทำอย่างชัดเจนก็ได้ โดยรวมแล้วตำแหน่งโปรดิวเซอร์มีลักษณะงานที่ต้องรับผิดชอบดังนี้
- สรรหาคอนเทนท์ หรือคิดคอนเทนท์ขึ้นมาใหม่ ให้น่าสนใจและเหมาะสมในการสร้างเป็นละคร ซีรีย์ ภาพยนตร์ ฯลฯ
- หาทุนการสร้างจากเจ้าของทุนที่เหมาะสม
- เข้าใจความต้องการของเจ้าของทุนและคิดสร้างสรรค์งานที่ตอบโจทย์เจ้าของทุน
- ระบุและจัดหาทีมทำงาน ที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับงานที่คิดสร้างสรรค์ขึ้น
- ดูแลในทุกขั้นตอนของการผลิต ทั้งในด้านคุณภาพและงบประมาณ เพื่อให้เป็นไปตามโจทย์ที่กำหนดไว้
📊 ขั้นตอนการทำงาน
- หาแนวคิด ไอเดียในการสร้างคอนเทนท์ โดยอาจจะเป็นจากการคิดตั้งต้นขึ้นมาเอง จากหนังสือหรือนิยาย จากการรับโจทย์จากลูกค้ามาคิดต่อ เป็นต้น
- จัดหาทีมทำงานที่เหมาะสม และถนัดกับแนวทางที่เลือกจะสร้าง
- พิจารณาและเลือกแพลตฟอร์มที่จะนำเสนอคอนเทนท์ รวมถึงติดต่อหาช่องทางการนำคอนเทนท์เข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ
- ดูแลการผลิตตั้งแต่เริ่มต้นวางแผน จนถึงช่วงประชาสัมพันธ์
👩🏻💻 อาชีพที่ต้องทำงานร่วมกัน
ทำงานร่วมกับเกือบทุกอาชีพในวงการผลิตละครซีรีย์และภาพยนตร์ อาชีพที่โปรดิวเซอร์ต้องร่วมทำงานด้วยเป็นหลักได้แก่
- ผู้กำกับ
- คนเขียนบท หรือทีมเขียนบท
- ทีมการตลาด ของบริษัทลูกค้าที่เป็นเจ้าของทุน และทีมการตลาดของสตูดิโอที่โปรดิวเซอร์ทำงานอยู่ (หากทำงานในสังกัดสตูดิโอ)
- ผู้บริหารสตูดิโอ (หากทำงานในสังกัดสตูดิโอ) ในการรายงานความคืบหน้าโครงการ
- ทีมผลิต
- ทีมประชาสัมพันธ์
🏢 สถานที่และเวลาทำงาน
ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโปรดิวเซอร์ที่เป็นพนักงานประจำ หรือเป็นฟรีแลนซ์ที่รับทำงานเป็นโปรเจค ๆ รวมถึงขึ้นอยู่กับว่ามีโปรเจคที่กำลังทำอยู่กี่โปรเจค และแต่ละโปรเจคอยู่ในช่วงการผลิตช่วงใด
- โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็นต้องมีออฟฟิศหรือทำงานที่ออฟฟิศ เพราะการทำงานเน้นเป็นการไปประชุมกับทีมต่าง ๆ ที่ห้องประชุม หรือคิด เขียนงาน หาทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งสามารถทำที่ไหนก็ได้
- เวลาทำงานในส่วนที่เป็นการทำงานหรือประชุมร่วมกับผู้อื่นมักจะเป็นเวลาทำงานทั่วไป เช่น 10:00-18:00 น. หรือถึงสองทุ่ม
- หากเป็นช่วงเวลาที่ออกกองถ่ายทำ จะไปทำงานตามเวลาและสถานที่ที่ถ่ายทำ
- เวลาที่เหลือนอกจากการทำงานในแต่ละวัน (เช่น ช่วงสองทุ่มถึงเที่ยงคืน) ใช้เป็นช่วงเวลาสำหรับเสพงาน update ดูแนวทาง และสำรวจค้นคว้า (Explore) เนื้อหาต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตลาดหรือในโลกปัจจุบัน เพื่อเพิ่มข้อมูลและความรู้ให้กับตนเอง ซึ่งจะนำไปใช้เป็นต้นทุนในการสร้างสรรค์งานต่อไป
ตัวอย่างการทำงานใน 1 วัน
- เริ่มงาน อาจะเริ่มด้วยการประชุม ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นมีประชุมอะไรบ้าง โดยการประชุมมีหลายรูปแบบ เช่น
- ประชุมบท ซึ่งในการเขียนบทจะมีการประชุมเป็นช่วง ๆ เช่น ประชุมเขียนโครงเรื่อง ประชุมตรวจบท ประชุมการแก้ไขบท เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่ากำลังอยู่ในช่วงเวลาใด
- ประชุมสตูดิโอ หรือประชุมกับต้นสังกัด เพื่อ update ความคืบหน้า ซึ่งโดยปกติจะ update เดือนละครั้ง หรือเดือนละสองครั้ง แล้วแต่ว่าทีมงานต้องการความช่วยเหลือจากผู้บริหารเท่าไหร่ หรือผู้บริหารต้องการข้อมูลความคืบหน้าแค่ไหน
- ประชุมกับลูกค้าหรือไปพบลูกค้าใหม่ ไปเล่ารายละเอียดงาน รายงานความคืบหน้า หรือไปนำเสนอแนวคิดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าสนับสนุนทุนการสร้าง
- ตรวจงานต่าง ๆ เช่น ตรวจบท ตรวจแนวคิดต่าง ๆ ที่ทีมงานนำเสนอมา ซึ่งหากเห็นว่าต้องแก้ไข ต้องคิดหาทางแก้ไขไว้ให้ทีมงานเลือกด้วย เช่น เมื่ออ่านบทแล้วรู้สึกว่าติดขัด ต้องคิดทางแก้ไปนำเสนอให้ผู้กำกับเลือก โดยบอกว่าแต่ละทางเลือกมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ซึ่งแต่ละทางเลือกต้องตอบโจทย์ทั้งทางการตลาด ตอบโจทย์ลูกค้า และตอบโจทย์ทางความคิดสร้างสรรค์ แล้วให้ผู้กำกับเลือกเอง
- ต้องเหลือเวลาส่วนหนึ่งไว้สำหรับเพื่อเสพสื่อต่างๆ ดูภาพยนตร์ อ่านหนังสือ อ่านนิยาย สำรวจหาสิ่งใหม่ ๆ ที่จะนำกลับมาทำเป็นต้นทุนในการทำโปรเจคต่อไป หรือคิดโปรเจคใหม่ ๆ ได้ เช่น การไล่ตามดูซีรีย์เรื่องที่เป็นที่นิยม เพื่อดูว่าทำไมจึงดัง คนดูชอบอะไร ทำความเข้าใจสิ่งที่เขาทำและนำสิ่งที่เรียนรู้นี้มาใช้เป็นประโยชน์ในการทำงานขั้นตอนต่าง ๆ
✅ ความรู้ความสามารถที่ต้องใช้
- ชอบเป็นผู้ชม และสนุกในการลองคิดต่อ เช่น ถ้าฉันเป็นผู้กำกับเรื่องนี้ ฉันจะทำอย่างไร หรือชอบคิดว่าถ้าเราเองไม่ชอบตอนจบ เราจะทำตอนจบเป็นแบบอื่นอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเป็นการฝึกให้เห็นความเป็นไปได้ว่าเนื้อหาหนึ่ง ๆ มีทางเลือกหรือความเป็นไปได้ที่หลากหลาย
- สรรหาและดูงานมาก ๆ เพราะยิ่งดูหรือเสพสื่อต่าง ๆ เยอะ ยิ่งมีคลังอาวุธเยอะ ทำให้เราเก่งขึ้น รวมถึงเปิดโลกและขยายโลกของเราออกไปให้กว้างขึ้น รู้ว่าโลกทำอะไรไปแล้วบ้าง งานแต่ละงานสามารถทำไปได้ไกลแค่ไหน ทำแค่ไหนถึงจะพอ หรือทำให้ดีกว่านี้ได้หรือเปล่า
- ทักษะในการประนีประนอม ซึ่งสวนทางกับผู้กำกับที่จะทำและต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตนเองเชื่อ เพื่อรสนิยม เพื่อความสนุก โดยโปรดิวเซอร์ต้องรักษาความสมดุลย์ด้วยการประนีประนอม เป็นสะพานเชื่อมระหว่างความฝันกับความจริง ทำให้เกิดโปรเจคที่ทำตามความฝันของผู้กำกับได้เต็มที่ ในต้นทุนที่จำกัดได้
- เข้าใจกลุ่มเป้าหมายว่าต้องการดูคอนเทนท์แบบไหน ดูอยู่ที่ช่องทางหรือแพลตฟอร์มไหน เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ซึ่งตอนนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก วิธีการเสพงานของกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ต้องคอยอัพเดทตลอดเวลา
- ไม่จำเป็นต้องเรียนจบการตลาด ภาพยนตร์ หรือการผลิตมา แต่ถ้าเรียนจบมาจะช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะทักษะการเขียนบทซึ่งเป็นทักษะค่อนข้างเฉพาะทาง ถ้าไม่เคยได้ฝึกมาจะค่อนข้างยาก โปรดิวเซอร์หน้าใหม่อาจจะต้องเรียนเขียนบทมาก่อน เพื่อช่วยหาทางเลือกในการแก้ไขบทให้กับผู้กำกับ
- ถ้าได้เรียนนิเทศศาสตร์หรือการสื่อสารมา จะทำให้เข้าใจเรื่องการสื่อสารกับคนดูหรือกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น และเข้าใจองค์ประกอบต่าง ๆ ของกระบวนการสื่อสารที่ประกอบไปด้วย
- ผู้ส่งสารเป็นใคร
- ต้องการพูดเรื่องอะไร
- ผ่านสื่อหรือช่องทางไหน และ
- ผู้รับสารเป็นใครต้องการหรืออยากจะฟังสารที่ส่งไปหรือไม่
- เป็นอาชีพที่ไม่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ หรือใบปริญญา
- พัฒนาและเพิ่มความรู้ของตน ไม่หยุดอยู่กับที่ เปิดโลกของตนให้กว้างขึ้น ซึ่งก็ทำได้ทั้งในแบบของคนประเภท Introvert หรือ Extrovert โดยคนที่ชอบออกไปเจอผู้คนจริง ๆ ก็จะได้เจอเรื่องราว ได้เจอคน เจอบุคลิกที่นำไปเป็นตัวละคร หรือเจอแรงบันดาลใจที่น่าสนใจ คนที่ไม่ชอบเจอผู้คนปัจจุบันก็สามารถท่องโลก ขยายความคิดจากการเสพงานแบบออนไลน์ได้
💵 โอกาส ความท้าทาย และผลตอบแทน
- เป็นอาชีพที่ขาดแคลน ไม่ค่อยมีคนทำอาชีพนี้เพราะยังเข้าใจอาชีพและวงการไม่ครบวงจร ยังไม่เข้าใจขอบเขตของงาน ดังนั้นอาชีพนี้จึงยังเป็นที่ต้องการอีกมาก และการแข่งขันต่ำ
- ค่าตอบแทนของโปรดิวเซอร์ขึ้นอยู่กับระดับประสบการณ์ของโปรดิวเซอร์ มักคิดเป็นรายโปรเจค
- หากเป็นซีรีย์ อาจคิดเป็นต่อตอนตามความยาวและขนาดการสร้าง โดยอาจได้ค่าตอบแทนตอนละ 50,000 บาท ถึง 100,000 บาท
- หากเป็นภาพยนตร์ ค่าตอบแทนอยู่ที่ประมาณเรื่องละ 3-5 แสนบาท ขึ้นไป
- ทั้งนี้ค่าตอบแทนอาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณของโครงการอีกทีหนึ่ง
- นอกจากค่าตอบแทนสำหรับภาพยนตร์แล้ว โปรดิวเซอร์จะได้รับเงินส่วนแบ่งที่เป็นกำไรจากรายได้ของภาพยนตร์ด้วย โดยคิดเป็นเปอร์เซนต์ รวมถึงได้สิทธิในการถือครองลิขสิทธิภาพยนตร์ (Interlectual Property) เช่น หากภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ มีการถูกนำมาสร้างใหม่ จะได้รับค่าตอบแทนตามส่วนที่กำหนด (ในประเทศไทยยังไม่มีมาตรฐานการกำหนดที่ชัดเจน)
- หากทำงานจนได้รับความเชื่อถือ จะมีเครดิตที่ดีที่ทำให้สามารถชวนคนหรือทีมงานที่อยากทำงานด้วยมาร่วมงานด้วยได้ หรือสามารถเริ่มต้นโปรเจคใหม่ที่ต้องการทำได้ เช่น ทำในประเด็นที่เราสนใจหรืออยากไปสำรวจ รวมไปถึงการได้เครือข่ายหรือคอนเนคชั่นในวงการเพิ่มมากขึ้น
- ได้รับความเคารพจากคนในวงการพอสมควร เพราะเป็นคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจสูง
- เส้นทางในสายอาชีพโปรดิวเซอร์อาจเป็นได้ดังนี้
- เริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ ซึ่งมาได้จากหลายทาง
- จากการเป็นคนเขียนบท แล้วเพิ่มเติมความรู้และประสบการณ์ด้านการตลาด
- จากการเป็นทีมงาน ซึ่งอาจเป็นทีมผลิต ทีมการตลาด หรือทีมประชาสัมพันธ์ก็ได้ โดยต้องเข้าใจในทุกองค์ประกอบ
- จากการเป็นโปรดิวเซอร์กองถ่าย หรือไลน์โปรดิวเซอร์ที่เข้าใจในงบประมาณและการใช้จ่ายในกองถ่าย
- โปรดิวเซอร์ โปรดิวเซอร์อาวุโสที่ค่าตัวแพงขึ้นเรื่อยๆ ทำงานโปรเจคที่ใหญ่ขึ้นและน่าเชื่อถือมากขึ้น
- หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์เนื้อหาของสตูดิโอ (Head of Content Creator) ทำงานหลายโปรเจค มีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้นในเรื่องที่ใหญ่ขึ้น
- เจ้าของสตูดิโอ ที่มีความสามารถและวิสัยทัศน์ในการประเมินงบประมาณที่มีสามารถนำไปสร้างเป็นคอนเทนท์อะไรได้บ้าง หรือในทางกลับกัน สามารถประเมินว่าคอนเทนท์ที่มี สามารถนำไปสร้างเป็นรายได้ขึ้นมาอย่างไรได้บ้าง
- เริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ ซึ่งมาได้จากหลายทาง
- มาตรฐานของการทำงานในองค์กรใหญ่และองค์กรเล็กยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
- เป็นอาชีพที่หากหยุดอยู่กับที่แล้วจะเชย
- หากมีจุดยืนในการทำงาน ว่าทำงานเพื่ออะไรจะทำให้ทำงานสนุกและรู้สึกอยากทำไปเรื่อย ๆ เช่น ทำงานเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม ทำในสิ่งที่เราอยากดูที่ไม่เคยเห็นไม่เคยมีใครทำมาก่อน หรือ งานที่ทำได้ให้อะไรกับคนดู ให้ความคิดความรู้สึก ให้กำลังใจ แง่คิด ความสุข หรือสื่อสารอะไรออกไป
- เป็นอาชีพที่มีความกดดันสูงมาก ขึ้นอยู่กับนิสัยการทำงานและแนวทางการทำงาน เช่น
- ทำงานยากที่ใช้งบประมาณการสร้างสูงเพราะอยากสร้างสรรค์สิ่งใหม่ โดยถือว่ากำลังทำงานเนื้อหาที่มีคุณภาพ
- กดดันที่จะทำให้ได้ตามความคาดหวังของลูกค้า เช่น หากลูกค้าต้องการยอดการเข้าชมร้อยล้านวิว
- ความกดดันนี้จะมีผลต่อโปรเจคต่อ ๆ ไปที่จะทำด้วย หากทำได้สำเร็จ จะมีอำนาจต่อรองในการทำงานเรื่องต่อไปมาก ได้รับความเชื่อถือ
- ในการทำงานแต่ละโปรเจคควรพิจารณาว่าต้องการอะไรจากงานที่กำลังทำ โดยไม่ว่าโปรเจคนั้น ๆ จะประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจหรือไม่ แต่อย่างน้อยควรที่จะประสบความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่งใน 3 ด้านนี้ คือ
- ด้านคอนเทนท์ที่มีคุณค่า คนดูรักคอนเทนท์ที่เราทำ คนดูได้ดูคอนเทนท์ที่ควรจะได้ดู
- ด้านรายได้ สามารถทำเงินได้
- ด้านการพัฒนาทีมงาน สร้างประสบการณ์ที่มีค่า ได้เรียนรู้ หรือได้ Know How ที่เพิ่มทักษะทีมงาน
- งานโปรดิวเซอร์เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์น่าจะยังไม่กระทบกับอาชีพโปรดิวเซอร์ ตราบใดที่หุ่นยนต์ยังไม่สามารถรู้คิดเท่ากับคน เพราะงานคอนเทนท์ไม่มีรูปแบบเป็นแพทเทิร์น
- อาชีพโปรดิวเซอร์ได้รับผลกระทบในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือภาวะโรคระบาดมาก เพราะเป็นอาชีพที่เลี่ยงการทำงานแบบออฟไลน์ไม่ได้ แม้บางส่วนเช่นการเขียนบทอาจกระทบน้อย หรือเป็นโอกาสที่ได้ลองพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ แต่โดยรวมแล้วได้รับผลกระทบมาก
- ได้รับผลกระทบจากเครือข่ายของผู้ชมหรือยอดเข้าชมมาก โปรดิวเซอร์ต้องโฟกัสว่ามีคนดูเยอะหรือไม่ ต้องศึกษาแพลตฟอร์มต่าง ๆ ตลอดเวลา เพราะแต่ละแพลตฟอร์มมีการปรับอัลกอริธึมอยู่ตลอด และอาจกระทบกับยอดเข้าชมได้ ถ้าไม่เรียนรู้ อัพเดท และปรับตัวตาม คอนเทนท์ที่สร้างสรรค์อาจไปไม่ถึงคนดู
- ได้รับผลกระทบมากกับความคิดเห็นของคนในสังคม และกระแสสังคม รวมถึงวัฒนธรรมการเลิกสนับสนุนนักแสดง ผู้มีชื่อเสียง หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ (Cancel Culture) ซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ โปรดิวเซอร์จึงต้องใส่ใจ ศึกษาและสังเกตคอนเทนท์ว่าอาจมีประเด็นหรือนัยยะที่หมิ่นเหม่กับกระแสสังคม หรือต้องพิจารณาว่าจะปรับเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไร
- โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์กับโปรดิวเซอร์ซีรีย์มีความแตกต่างกันในแง่ขนาดของงาน เวลา และธรรมชาติของแพลตฟอร์ม โดยภาพยนตร์จะมีขนาดโปรเจคที่ใหญ่กว่า ระยะเวลาการทำงานนานกว่า รายละเอียดมากกว่า แต่ทั้งความยาวคอนเทนท์และช่วงเวลาการฉายสั้นกว่า และโจทย์ของโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ในการเข้าถึงคนดูจะเป็นการหาวิธีที่ทำอย่างไรให้คนดูเข้ามาดูในโรงภาพยนตร์ ทำให้น่าดูกว่าคอนเทนท์อื่น ๆ หรือภาพยนตร์บนออนไลน์ สตรีมมิ่ง ในขณะที่โปรดิวเซอร์ซีรีย์จะคิดหาวิธีให้ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสได้เห็นคอนเทนท์ผ่านตา และได้ลองดูตอนแรกอย่างน้อย 1 ตอน ให้ได้
🖥️ ช่องทางการศึกษาความรู้เพิ่มเติม
StudioBinder
เสิร์ชคำว่า Behind the scene, B-roll
เล่าเบื้องหลังการทำงาน ดูเบื้องหลังการทำงานภาพยนตร์ที่เราชอบเพื่อศึกษาว่าทำไมเราถึงชอบ และได้เห็นว่ากว่าที่จะเป็นภาพยนตร์ที่เราชอบแบบนี้ได้ ต้องผ่านการทำอะไรมาบ้าง จะเป็นการเติมอาวุธให้กับเรา และช่วยเปิดโลกความเป็นไปได้ต่าง ๆ ในการแก้ปัญหา
Website:
YouTube:
https://www.youtube.com/@StudioBinder
Vanity Fair
ข่าวสาร รีวิว และเบื้องหลังการทำงาน
Website:
https://www.vanityfair.com/hollywood
YouTube:
https://www.youtube.com/@VanityFair
No Film School
ข้อมูล ความรู้ต่างๆ ในการผลิต มีลิสท์ภาพยนตร์ที่ควรดู เป็นการเลือกสรรให้เราได้ตามดู
Website:
YouTube:
https://www.youtube.com/@nofilmschool
Letterboxd
แอปพลิเคชั่นที่เป็นฐานข้อมูลของภาพยนตร์และคอนเทนท์ต่าง ๆ คล้าย IMDB แต่เป็นการเลือก follow คนที่เราต้องการติดตาม เห็นลิสท์ภาพยนตร์หรือคอนเทนท์ที่คนนั้น ๆ ดู และสามารถไปดูตามได้ สามารถใช้เป็นที่จดว่าเราดูภาพยนตร์อะไรมาแล้วบ้างได้ด้วย
Website:
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น
📚 ข้อมูลสายการเรียนที่เกี่ยวข้อง
มัธยมศึกษาตอนปลาย
- สายวิทย์-คณิต
- สายศิลป์-คำนวณ
- สายศิลป์-ภาษา
- ปวช. หรือเทียบเท่า *บางสถาบันรับสายนี้
ปริญญาตรี เช่น
- คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- คณะวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ
- คณะการสื่อสารมวลชน สาขาภาพยนต์ดิจิทัล
- คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการละคอน
- คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
- คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- คณะวิทยาการสื่อสาร สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบสื่อ
- คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน สาขาเทคโนโลยีการถ่ายภาพและภาพยนตร์
ปริญญาโท เช่น
จบ ป.ตรีสาขาทุกสาขา แต่ต้องศึกษาเกี่ยวกับทักษะการแสดง การสื่อสาร การสร้างหนังหรือซีรีย์ ฝึกฝนวิเคราะห์ซีรีย์หรือภาพยนต์ ฝึกสร้างซีรีย์หรือภาพยนต์ขนาดไม่ใหญ่มาก และหาโอกาสฝึกงานในกองถ่ายซีรีย์หรือภาพยนต์เพิ่มเติม
- คณะนิเทศศาสตร์ นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- คณะวิจิตรศิลป์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบ
- วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชาสื่อและนวัตกรรมสื่อสาร) วิชาเอกภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล
- คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน วารสารศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสื่อและการสื่อสาร
- คณะมนุษยศาสตร์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์และสารสนเทศ
- คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสื่อสาร
- คณะศิลปกรรมศาสตร์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์และการออกแบบ
- คณะวิทยาการจัดการ นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
ปริญญาเอก เช่น
- คณะนิเทศศาสตร์ นิเทศศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
- คณะวิจิตรศิลป์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบ
- คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาสื่อและการสื่อสาร
- คณะศิลปกรรมศาสตร์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์และการออกแบบ
- คณะวิทยาการจัดการ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์
*ข้อมูล ณ ปี 2567