เป้าหมายของงาน คือ ความน่าสนใจในแต่ละเล่มที่เราทำออกมา เราจะทำอย่างไรให้นิตยสารของเรามีความน่าสนใจในทุกๆเดือน ซึ่งจริงๆแล้วเราทำงานแข่งกับตัวเองมากกว่า คือพัฒนาผลงานของตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีนิตยสารออกมาให้ผู้อ่านเลือกมากมายแต่ทุกเล่มก็จะมีเอกลักษณ์ความน่าสนใจเป็นของตัวเอง เราเพียงแค่ทำงานในส่วนของเราให้ดีที่สุด เมื่อทุกหน้าที่ทำได้ดีที่สุดแล้วนิตยสารก็จะออกมาดีที่สุด แต่เราต้องยอมรับให้ได้ว่าการทำงานหนังสือมันคือพาณิชย์ศิลป์ มันไม่ใช่งานศิลปะที่ตั้งเอาไว้แล้วเลือกดูหากถูกใจก็ซื้อกลับบ้านไป ซึ่งเราต้องแยกเรื่องนี้กับเรื่องของงานให้ออกมันเป็นความยากอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นเป้าหมายในการทำงานคือเราต้องตั้งใจทำให้หนังสือของเราติดตลาด เราต้องมาดูกันในทุกๆเดือนว่าเราพัฒนาไปถึงไหนแล้ว มีคนที่สนใจหนังสือของเรามากขึ้นไหม และวันที่เราถึงเป้าหมายนั้นจะเป็นวันที่มีความสุขมาก

การทำงานของหนังสือหนึ่งเล่มเป็นเหมือนวงจรชีวิตที่เราจะต้องทำในรูปแบบเดียวกันนี้ทุกๆเดือน คือ 

1. ประชุมเนื้อหาที่จะเกิดขึ้นในเล่มของเดือนนั้นๆ เราจะพูดถึงอะไรที่เป็นธีมของเล่ม แตกไปถึงคอลลัมน์ต่างๆที่ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน  เนื้อหา ภาพประกอบ กราฟฟิก ทุกส่วนของเล่มต้องมีความสอดคล้องและเป็นเรื่องเดียวกัน  จากนั้นก็หาข้อสรุปจากที่ประชุม
2. หลังจากได้ข้อสรุปแล้ว จะมาถึงช่วงปฏิบัติงานจริง ซึ่งในแต่ละเดือนจะมีช่วงปฏิบัติงานเดือนละ 10 วัน ทุกตำแหน่งหน้าที่ก็จะแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง นักเขียนต้องไปสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยงข้องกับเล่ม หรือ หาข้อมูลเพื่อนำมาเขียนในคอลลัมน์ของตัวเอง  สไตลิสต์ต้องไปยืมเสื้อผ้าจากร้านหรือ คอลเลคชั่นที่ตรงกับเนื้อหาในเล่มของเดือนนั้น ช่างภาพ กราฟฟิก และหน้าที่อื่นๆ ก็จะแยกไปทำงานของตัวเอง 
3. รวบรวมเนื้อหาจากทุกฝ่ายมารวมกันที่บรรณาธิการ และบรรณาธิการก็จะเป็นคนตรวจทานเนื้อหาทั้งหมด มีส่วนไหนที่ผิดพลาดหรือยังไม่ผ่าน เนื้อหาไม่ครบ รูปไม่ได้ ทุกส่วนต้องผ่านตาของบรรณาธิการ และแก้ไขส่วนต่างๆที่ผิดพลาดไป
4. ขั้นตอน Post production หลังจากที่รวบรวมและแก้ไขทุกส่วนแล้วก็เป็นส่วนที่เราจะต้องนำหนังสือเข้าไปตีพิมพ์ ส่งเข้าโรงพิมพ์เพื่อแยกสีต่างๆ ทางโรงพิมพ์ก็จะตรวจและส่งกลับมาเช็คอีกครั้งว่ามีอะไรผิดบ้างไหม ก่อนที่จะเริ่มเรียงแต่ละหน้าลงไปบนเพจ และเข้าสู่กระบวนการตีพิมพ์ตามขั้นตอนของโรงพิมพ์และเมื่อเสร็จแล้วก็ นำออกไปจัดจำหน่ายต่อไป  ซึ่งจะเป็นระยะเวลาการทำงานประมาณหนึ่งเดือนพอดี และจะทำเหมือนกันในทุกๆเดือน

งานบรรณาธิการนิตยสารต้องควบคุมการทำงานของทุกกระบวนการในการทำนิตยสารทั้งเล่มให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  ตั้งแต่ในส่วนของการคิดธีมประจำเดือนว่าเดือนนี้นิตยสารของเราจะพูดถึงเรื่องอะไร ยกตัวอย่างเช่นในช่วง ฤดูร้อน เรื่องราวต่างๆในนิตยสารก็จะเกี่ยวข้องกับ นักเขียน ภาพประกอบ กราฟฟิก สไตลิสต์ ช่างภาพ นางแบบนายแบบ โรงพิมพ์ รวมไปถึงลูกค้า

สถานที่ทำงาน

รูปแบบภายนอกก็จะเหมือนกับออฟฟิศทั่วไป มีโต๊ะทำงานที่แบ่งเป็นโซนตามฝ่ายต่างๆ แล้วแต่ว่าใครจะจัดหรือตกแต่งออฟฟิศออกมาให้เป็นรูปแบบไหน สีสันอาจจะจัดจ้านแฟชั่นได้เต็มที่สุดๆตามแบบฉบับของเรา แต่ต้องเป็นสถานที่ที่ทำให้สามารถคิดงานและสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเต็มที่ แต่ส่วนมากจะจัดตกแต่งแบบไม่เรียบร้อยหรือเป็นระเบียบนักเพราะในการคิดงานหรือทำงานในเชิงศิลปะอาจต้องการวิธีการสร้างแรงบันดาลใจด้วยวิธีการต่างๆกัน การจัดตกแต่งโต๊ะของแต่ละคนก็จะแล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง มีความอิสระในการใช้ชีวิตในที่ทำงานมากกว่างานที่ออฟฟิศทั่วๆไป

สภาพการทำงาน

เป็นการทำงานเป็นทีม ต้องอาศัยทีมงานหลายๆฝ่ายเพื่อให้ได้ผลงานออกมาหนึ่งเล่ม ซึ่งอาชีพบรรณธิการบริหารหรือ บ.ก.ต้องทำหน้าที่ควบคุมและดูแลรับผิดชอบงานทั้งหมดรวมไปถึงการพูดคุยกับลูกค้า ต้องค่อนข้างลุยและพร้อมที่แก้ไขสถานการณ์จะเกิดขึ้นเฉพาะหน้าอยู่เสมอ การเป็น บ.ก.นั้นเป็นการทำงานบนพื้นฐานของงานศิลปะและงานบริหารจัดการควบคู่กันไปจึงต้องปรับตัวและอยู่ให้ได้กับทั้งสังคมที่เป็นศิลปะและสังคมที่เป็นธุรกิจ บริหารจัดการทั้งสองสิ่งอย่างสมดุล เพราะทั้งคนและงานก็จะมีความยากง่ายในเรื่องต่างๆแตกต่างไปกัน และการทำงานด้านแฟชั่นนั้นการแต่งตัวก็เป็นสิ่งที่สำคัญคือต้องมีเอกลักษณ์และสร้างความน่าเชื่อถือด้านแฟชั่น

ประเภทของลูกค้า

ลูกค้าของการทำนิตยสารก็จะแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ 

1. ผู้อ่านนิตยสาร คือผู้ที่มีหรือต้องการมีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกับนิตยสารของเรา ซึ่งก็แล้วแต่กลุ่มเป้าหมายของนิตยสารนั้นๆว่ามีรูปแบบไลฟ์สไตล์ของนิตยสารเป็นแบบไหน ผู้อ่านเป็นใคร และเราจะนำไลฟ์สไตล์นั้นๆมาขยายออกเป็นคอลัมน์ต่างๆที่ผู้อ่านน่าจะสนใจและเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของพวกเขา  ยกตัวอย่างเช่น นิตยสารสำหรับผู้หญิงวัย 20 ปีขึ้นไป อาจมีคอลัมน์เกี่ยวกับเรื่อง การแต่งหน้า แต่งตัว การท่องเที่ยว หรือแม้แต่เทคนิคการสมัครงาน ซึ่งนิตยาสารปัจจุบันมีความหลากหลายผู้อ่านสามารถเลือกอ่านให้ตรงกับความต้องการของตัวเองได้  ผู้ผลิตจึงต้องเสาะหาเรื่องที่แปลกใหม่และน่าสนใจกว่านิตยสารฉบับอื่นๆ เพื่อครองใจลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน 
2. ลูกค้าที่เป็นสปอนเซอร์ของนิตยสาร  นิตยสารที่มีความแตกต่างกันย่อมต้องการผู้สนับสนุนที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของนิตยสารของตน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์  สถานที่ หรือ การสนับสนุนในเรื่องของเงินลงทุน ซึ่งทั้งลูกค้าและทางนิตยสารก็จะมีการแลกเปลี่ยนกันในเรื่องของการโฆษณา กับ เงินหรือผลิตภัณฑ์แล้วแต่ข้อตกลง เพราะฉะนั้นนิตยสารของเราต้องมีความชัดเจนในเรื่องของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อที่จะสร้างความชัดเจนให้กับลูกค้าทั้งลูกค้าที่เป็นผู้สนับสนุนและลูกค้าที่เป็นผู้อ่าน

ผู้ที่ต้องการเป็นบรรณาธิการบริหาร นิตยสารนั้น สามารถเรียนจบได้หลายๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือประสบการณ์ที่ต้องมีดังต่อไปนี้ 

1. มีความรู้พื้นฐานด้านศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ กราฟฟิก หรือการมองภาพรวมของศิลปะ เพราะ     เราต้องเป็นคนควบคุมดูแลงานทุกอย่างทุกขั้นตอนของนิตยสาร และขั้นตอนที่สำคัญนั้นก็คือการจัดวางรูปเล่ม  เพื่อให้มีความสวยงาม ความน่าสนใจและมีความคิดสร้างสรรค์  หากเรามีพื้นฐานที่ดีก็จะสามารถมองภาพรวมของงาน ปรับปรุงและพัฒนางานให้ดีขึ้นจากมุมมองในด้านศิลปะของเรา ทำให้งานของเราน่าสนใจและมีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย 
2. มีความรู้พื้นฐานด้านธุรกิจ การทำงานนิตยสารเหมือนเป็นการผลิตสินค้าอย่างหนึ่ง เมื่อมีสินค้าก็ต้องมีตลาดในการจัดจำหน่าย เราจึงต้องมีความสามารถในการวางแผนการตลาด มีความสามารถทางด้านการขาย รู้เรื่องระบบการเงินและการจัดการ เพื่อที่จะรู้ว่านิตยสารของเราต้องทำอย่างไรที่จะติดตลาด ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย และมีส่วนไหนที่ต้องพัฒนา รวมไปถึงเรื่องของกระแสปัจจุบันที่เราต้องตามให้ทันอีกด้วย 
3. มีความสามารถในการทำงานกับคนหมู่มาก มีการวางแผนการทำงานเพราะต้องทำงานกับคนในทุกแผนก ต้องมีวิธีการพูดและวิธีการทำงานที่ทำให้สามารถได้งานที่ดีมีคุณภาพและตรงตามวันที่กำหนดไว้ เพราะการทำนิตยสารสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องตรงต่อ เพราะต้องผลิตนิตยสารออกมาในทุกๆเดือน

บุคลิก นิสัยของคนที่เหมาะจะทำอาชีพนี้

1. ต้องสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ สามารถสื่อสารงานกับคนอื่นๆได้ดี เพราะต้องทำงานร่วมกับทุกหน้าที่ในการทำนิตยสาร ต้องมีวิธีการพูดและการบริหารคนในการทำงาน เพราะแต่ละคนมีบุคลิกและพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกัน วิธีการทำงานแตกต่างกัน แต่เราจะทำอย่างไรให้งานของทุกคนออกมาในทิศทางเดียวกัน และเป็นไปในรูปแบบของนิตยสารของเรา 
2. มีความคิดสร้างสรรค์และไอเดียใหม่ๆอยู่เสมอ เราต้องทำผลงานออกมาทุกเดือน ในแต่ละเดือนจึงควรจะมีความน่าสนใจและความสร้างสรรค์ มีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครและน่าติดตาม 
3. มีความอดทน เพราะทั้งงานและคนมีเรื่องที่ต้องแก้ไขปัญหาตลอดเวลา อาจจะต้องปรับทัศนะคติในหลายๆเรื่องเพื่อให้ทั้งคนและงานสามารถทำงานควบคู่กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
4. มีการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ และมีความถนัดในหลายๆด้าน เพราะเป็นการทำงานที่ต้องมีทั้งความสามารถด้านศิลปะและด้านการบริหารควบคู่กันไป บางคนอาจจะถนัดด้านใดด้านหนึ่งจึงต้องมีการเรียนรู้อีกด้านหนึ่งด้วย เพราะที่จะให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด 
5. รักและมีความถนัดในเนื้อหาของนิตยสาร นิตยสารในปัจจุบันมีความหลากหลายมากเพราะฉะนั้นบรรณาธิการในแต่ละเล่มก็ควรที่จะรักในรูปแบบและเนื้อหาของตน   มีไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกัน เพราะจะส่งผลไปถึงงานและวิธีการทำงาน เพราะหากเรารักในรูปแบบเราก็จะมีวิธีการหาข้อมูลหรืออัพเดทเรื่องราวใหม่ๆ ส่งผลถึงไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆที่เกิดจากความชอบเละความถนัด และก็ทำให้เรามีความสุขในการทำงานอีกด้วย

โอกาส ความท้าทาย

ก่อนที่จะมาเป็นบรรณาธิการบริหารได้นั้น ต้องมีประสบการณ์ในการทำงานหนังสือหรือด้านที่ตรงกับรูปแบบนิตยสารนั้นๆอยู่พอสมควร การได้ขึ้นมาเป็นบรรณาธิการขึ้นอยู่กับความสามารถที่คนอื่นเห็นและเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถบริหารจัดการได้ เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องการทำหนังสือแต่มันคือการบริหารคนและวางแผนให้มีทิศทางที่ดีในด้านการตลาด ต้องมีความรู้ความสามารถหลายๆอย่าง ซึ่งนิตยสารกว่าจะออกมาแต่ละเล่มและเป็นที่รู้จักได้นั้นต้องใช้เวลา และก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของบรรณาธิการด้วย ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับอายุแต่ต้องมีผลงานหรือประสบการณ์ในการทำงานที่มากพอ เมื่อเป็นบรรณาธิการแล้วความก้าวต่อไปคือพัฒนานิตยสารของเราให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ จนติดตลาดและรักษระดับให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจอยู่เสมอ 

ผลตอบแทน

ผลตอบแทนของอาชีพบรรณาธิการบริหารนั้นจะแล้วแต่รูปแบบของนิตยสาร ขนาดของธุรกิจและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบซึ่งก็จะแตกต่างกัน   แต่ส่วนใหญ่หน้าที่ของบรรณาธิการต้องดูแลภาพรวมทั้งหมดของนิตยสารเรียกได้ว่าเป็นคนที่สำคัญอันดับต้นๆของการทำงานนิตยสาร ระดับผลตอบแทนจึงค่อนข้างสูง อยู่ในระดับผู้จัดการ หรือ ผู้บริหารเลยทีเดียว แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานด้วยเช่นกัน 

คุณค่าของอาชีพนี้ต่อคนรอบข้างและสังคม 

การทำงานหนังสือคือการสร้างความชัดเจนให้กับบุคคล เพราะหนังสือแต่ละเล่มจะบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ ลักษณะนิสัย และการเป็นตัวของตัวเองของคนคนนั้น ผ่านสิ่งที่เขาอยากรู้ ผ่านสิ่งที่หนังสือถ่ายทอด เมื่ออ่านแล้วไม่ใช่ก็จะต้องค้นหาสไตล์ของตัวเองกันต่อไป แต่เมื่ออ่านแล้วรู้สึกว่านี่แหละชีวิตของเรา คือสิ่งที่เราสนใจ เป็นกิจกรรมที่เราทำหรือเรื่องที่เรากำลังอยากรู้ก็สามารถหาข้อมูลได้จากหนังสือเล่มต่างๆ ซึ่งงานหนังสือสามารถพัฒนาความรู้ของคนได้อย่างมาก เพราะฉะนั้นข้อมูลที่เราจะให้กับผู้อ่านก็ต้องเป็นข้อมูลที่จริงด้วย และเมื่อเป็นนิตยสารข้อมูลจะต้องทันสมัยและอัพเดทเรื่องราวใหม่ๆอยู่เสมอ 

มัธยมศึกษาตอนปลาย

• สายวิทย์-คณิต
• สายศิลป์-คำนวณ
• สายศิลป์-ภาษา
• ปวช. หรือเทียบเท่า *บางสถาบันรับสายนี้

ปริญญาตรี เช่น

• คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
• คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาและวรรณคดีอังกฤษ 
• คณะอักษรศาสตร์ สาขาวิชาอักษรศาสตร์ 
• คณะการสื่อสารมวลชน สาขาวิชาการผลิตสื่อสร้างสรรค์ 
• คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาวารสารสนเทศและสื่อใหม่ 
• คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาสื่อสารมวลชน 

ปริญญาโท เช่น

จบ ป.ตรีสาขาทุกสาขา แต่ต้องศึกษาเกี่ยวกับด้านภาษาและงานเขียน ด้านศิลปะและการออกแบบ ด้านการตลาด และหาโอกาสฝึกงานหรือทำงานเกี่ยวกับนิตยสารเพิ่มเติม

• คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน วารสารศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสื่อศึกษา 
• คณะอักษรศาสตร์ อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาศาสตร์
• คณะการสื่อสารมวลชน ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสื่อสารบูรณาการ วิชาเอกสื่อสารศึกษา
• วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมการสื่อสาร วิชาเอกสื่อและการสื่อสารเชิงกลยุทธิ์

ปริญญาเอก เช่น

• คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาสื่อศึกษา
• คณะอักษรศาสตร์ อักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาษาศาสตร์
• คณะการสื่อสารมวลชน ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการสื่อสารบูรณาการ

*ข้อมูล ณ ปี 2567