
นิยามสั้นๆ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารศาสตร์ (หมอเด็ก) ดูแลทางการแพทย์แบบองค์รวม สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 14 - 18 ปี และดูแลจิตใจพ่อแม่ ผู้ปกครองเด็ก สนับสนุนให้สามารถเลี้ยงดูเด็กได้อย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย
📃 ลักษณะงาน
- ให้บริการทางการแพทย์สำหรับเด็ก มีเป้าหมายการทำงาน คือ ทำให้เด็กทุกคนมีสุขภาพดี มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการสมวัย ทั้งเด็กที่ป่วยและไม่ป่วย (โดยมากผู้ปกครองมักนิยมพาเด็กมาติดตามอาการ การเจริญเติบโต พัฒนาการ และฉีดวัคซีนตามช่วงวัยกับหมอเด็กคนเดิมจนเด็กโต จึงทำให้มีโอกาสดูแลเด็กแต่ละคนอย่างต่อเนื่อง)
- ดูแลเด็กทุกคนแบบองค์รวม เช่น เด็กที่มาหาหมอด้วยไข้หวัด นอกจากจะได้รับการรักษาไข้หวัดแล้ว หมอเด็กจะต้องประเมินสุขภาพและปัญหาอื่นๆ ของเด็กด้วยทุกครั้ง เช่น เด็กมีน้ำหนักส่วนสูงและมีพัฒนาการสมวัยหรือไม่ ภาวะโภชนาการเป็นอย่างไร ได้รับวัคซีนครบถ้วนตามเกณฑ์หรือไม่ เป็นต้น
- ให้ความรู้กับผู้ปกครองให้ทราบถึงวิธีการเลี้ยงเด็กที่ถูกต้อง สามารถจัดการกับปัญหาการเรียนและปัญหาพฤติกรรมของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยคัดกรองความเสี่ยงในการเกิดปัญหาพฤติกรรม การเกิดอุบัติเหตุ การใช้สารเสพติด และการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และให้ความรู้ตลอดจนจัดการกับความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างเหมาะสม
- หมอเด็กจะใช้เวลาในการตรวจนานกว่าหมอสาขาอื่นๆ แต่โดยสัดส่วนประชากรแล้วเด็กยังมีจำนวนน้อยกว่าผู้ใหญ่มาก หมอเด็กจึงมีเวลามากพอที่จะลงรายละเอียดเหล่านี้ได้
📊 ขั้นตอนการทำงาน
- ซักประวัติ และประเมินการเจริญเติบโต พัฒนาการ ภาวะโภชนาการ รวมถึงข้อมูลการได้รับวัคซีนของเด็ก
- ตรวจร่างกายเพิ่มเติม ก่อนส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการตามความเหมาะสม
- พูดคุยกับผู้ปกครองเด็ก เพื่อช่วยปรับแนวทางการเลี้ยงดูเด็กและจัดการกับปัญหาพฤติกรรมของเด็กที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ให้ผู้ปกครองเข้าใจและเกิดความมั่นใจในการกลับไปดูแลเด็กต่อไป
👩🏻💻 อาชีพที่ต้องทำงานร่วมกัน
- พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล
- แพทย์ทั่วไป แพทย์เฉพาะทางแผนกอื่นๆ
- เภสัชกร
- นักจิตวิทยา
- นักสังคมสงเคราะห์
- นักกายภาพบำบัด
- ตำรวจ
- ครู
🏢 สถานที่และเวลาทำงาน
- สถานที่ทำงานหลักคือโรงพยาบาล เช่น คลินิกผู้ป่วยนอกเด็กทั่วไป คลินิกดูแลสุขภาพเด็กต่อเนื่อง คลินิกเฉพาะโรค และการดูแลผู้ป่วยในที่รับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล
- งานส่วนใหญ่อยู่ภายในอาคาร ยกเว้นการออกเยี่ยมบ้านและสำรวจอนามัยชุมชน ที่อาจต้องออกนอกอาคารบ้าง การทำงานคล้ายกับสาขาอื่นๆ คือเริ่มงานตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น
- หากสังกัดในโรงพยาบาลขนาดเล็กอาจมีตารางทำงานทุกวันโดยไม่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่ถ้าโรงพยาบาลมีหมอเด็กหลายคนก็อาจผลัดกันหยุดได้บ้าง จำนวนเวรกลางคืนก็ขึ้นกับจำนวนหมอเด็กในแต่ละโรงพยาบาล
- สถานที่ทำงานอื่นๆ เช่น
- สถานรับเลี้ยงเด็ก รับผิดชอบการตรวจประเมินคุณภาพการบริหารจัดการ และติดตามพัฒนาการเด็กที่มีปัญหา
- งานอนามัยโรงเรียน ตรวจสุขภาพนักเรียน ให้ความช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาการเรียนรวมทั้งปัญหาพฤติกรรม
- มูลนิธิเด็กกำพร้า ตรวจสุขภาพ ประเมินความพร้อมและให้คำแนะนำเด็กและผู้ปกครองที่ต้องการรับบุตรบุญธรรม
- สถานคุมประพฤติเด็กที่ทำความผิดทางกฎหมาย ตรวจสุขภาพ ประเมินและให้ความช่วยเหลือปัญหายาเสพติด ปัญหาการตั้งครรภ์ ปัญหาพฤติกรรม
- กระทรวงสาธารณสุข วางนโยบายสุขภาพ การจัดการงบประมาณ นโยบายการให้วัคซีน การจัดการปัญหาโรคระบาด ฯลฯ
- สถานที่ทำงานอื่นๆ เช่น
✅ ความรู้ความสามารถที่ต้องใช้
- เรียนจบคณะแพทย์และเรียนต่อเฉพาะทางสาขากุมารแพทย์ มีความรู้และสามารถใช้เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจร่างกายได้
- มีทักษะทางภาษาอังกฤษ เพราะหนังสือเรียนส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษและต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ๆ ระหว่างหมอเด็กในแต่ละประเทศอยู่เสมอ
- มีทักษะทางสถิติเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัย
- มีทักษะด้านคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการค้นคว้าและติดตามความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ และใช้ในการทำงานนำเสนอต่างๆ
- มีหลักจิตวิทยาเด็ก และกระบวนการในการทำงานกับเด็ก โดยอุปกรณ์พิเศษที่หมอเด็กต้องมีแตกต่างจากหมออื่นๆ คือ ของเล่น ที่ใช้ประกอบในการตรวจประเมินพัฒนาการของเด็กตามแต่ละช่วงวัย
- เป็นคนรักความเป็นเด็ก ใจเย็น และมีความละเอียดรอบคอบ เพราะเด็กมักจะอยู่เหนือความคาดหมาย อีกทั้งการตรวจร่างกายเด็กก็ทำได้ยาก เพราะไม่สามารถบังคับให้เด็กร่วมมือในการตรวจได้ หมอเด็กจึงต้องใจเย็นและเรียนรู้วิธีที่จะจัดการกับเด็กแต่ละคนซึ่งล้วนมีความแตกต่างกัน
💵 โอกาส ความท้าทาย และผลตอบแทน
- ใช้เวลาในการเรียนหลายปี กล่าวคือ เรียนจบแพทยศาสตร์บัณฑิต 6 ปี แล้วไปใช้ทุนโดยการเป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะก่อน 3 ปี จากนั้นจึงกลับมาเรียนต่อวุฒิบัตรกุมารเวชศาสตร์อีก 3 ปี ก่อนจบเป็นหมอเด็กทั่วไป (หากรับทุนมาก็อาจต้องกลับไปทำงานก่อนอีก 1 - 2 ปี) ซึ่งหากเรียนต่อเป็นหมอเด็กเฉพาะสาขาอีก 2 ปี เช่น เป็นหมอเด็กโรคหัวใจหรือหมอเด็กโรคทางเดินหายใจ เป็นต้น จะสามารถทำงานเป็นหมอเด็กเฉพาะสาขา หรือเปลี่ยนไปทำงานเป็นที่ปรึกษาตามสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียน มูลนิธิหรือเป็นคณะกรรมการในองค์กรต่างๆ ที่ทำงานเกี่ยวกับเด็ก โดยวิชาที่หมอเด็กจะต้องเรียน จะครอบคลุมองค์ความรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเด็ก ทั้งโรคทางกาย ปัญหาทางจิตใจ รวมถึงปัญหาด้านพฤติกรรมและสังคม
- มีความท้าทายในการทำงานที่อาจกระทบเวลาส่วนตัวในชีวิต เช่น ทำงานเช้าถึงเย็นที่อาจต้องเข้าเวรข้ามคืน และวันรุ่งขึ้นก็เริ่มงานแต่เช้าโดยไม่ได้มีช่วงพัก การมีตารางงานทุกวันไม่เว้นวันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ รวมถึงการรับมือกับความกดดัน ทั้งอาการ พฤติกรรมของผู้ป่วยเด็ก และความคาดหวังของผู้ปกครอง
- ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน ค่าเวร ค่าตรวจ ค่าพ.ต.ส. (เงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของผู้ปฏิบัติงานด้านการสาธารณสุข) โดยระดับรายได้มากน้อยจะขึ้นกับโรงพยาบาลที่สังกัด ความเชี่ยวชาญ และความขยันในการจัดตารางเข้าเวร
- สังกัดโรงพยาบาลของรัฐจะได้รับเงินเดือนเฉลี่ย 15,000 – 30,000 บาท ขึ้นไป (กรณีที่อยู่ในโรงพยาบาลห่างไกลจะได้รับเบี้ยกันดารเพิ่ม)
- สังกัดโรงพยาบาลเอกชน อาจได้รับเงินเดือนเฉลี่ยเริ่มตั้งแต่ 80,000 –200,000 บาท ขึ้นไป - ได้รับความรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อเห็นผู้ป่วยเด็กหายจากโรคทางกาย มีสุขภาพจิตที่ดี มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการสมวัย และสามารถผ่านพ้นความเสี่ยงของปัญหาพฤติกรรมตามช่วงวัย จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นบุคลากรคุณภาพของสังคมต่อไป และได้ช่วยคลายความวิตกกังวลให้พ่อแม่ ผู้ปกครองโดยการเป็นที่ปรึกษาช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกอย่างถูกวิธี
🖥️ ช่องทางการศึกษาความรู้เพิ่มเติม
1. สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย https://www.thaipediatrics.org/
2. เพจคุยกับหมอเด็ก https://www.facebook.com/DoctorbyGlenta
📚 ข้อมูลสายการเรียนที่เกี่ยวข้อง
มัธยมศึกษาตอนปลาย
- สายวิทย์-คณิต
- (ปัจจุบันมีโอกาสสำหรับนักเรียนทุกสายการเรียน แต่จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะ สามารถสอบวัดระดับและผ่านเกณฑ์คัดเลือกต่างๆ ตามที่กำหนดด้วย)
ปริญญาตรี เช่น
- คณะแพทยศาสตร์
- วิทยาลัยแพทยศาสตร์
- สำนักวิชาแพทยศาสตร์
- วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข
ปริญญาโท/ เฉพาะทาง เช่น
- หลักสูตรประกาศนียบัตรแพทย์ประจำบ้านฯ สาขากุมารเวชศาสตร์
- หลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอดเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญ อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด
- หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูงทางคลินิก สาขากุมารเวชศาสตร์
- หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาแพทยศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) วิชาเอกกุมารเวชศาสตร์
ปริญญาเอก
- บางกรณี จะมีผู้ที่สำเร็จรายชื่อผู้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนําญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขากุมารเวชศาสตร์ ที่คณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษามีมติเห็นชอบกํารรับรองหลักสูตรว่ามีคุณวุฒิเทียบได้เท่ํากับคุณวุฒิระดับปริญญาเอก ตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา พ.ศ. 2558 ตามที่ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยเสนอ
*ข้อมูล ณ ปี 2567